มีความเชื่อมั่น 1 กับ ความไม่เชื่อมั่น 1 ดำรงอยู่แวดล้อมคสช.กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยความย้อนแย้งเป็นอย่างยิ่งในทางการเมือง

1 คือ ความเชื่อมั่นว่าการสืบทอดอำนาจของคสช.โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง

แม้ว่าในการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะมาเป็นอันดับ 1 ก็ตาม

ขณะเดียวกัน 1 คือ ความไม่เชื่อมั่นว่าการบริหารประเทศจะดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและราบรื่น

แม้ว่าจะมีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เป็นเครื่องมือก็ตาม

ความเชื่อมั่นอาจเป็นด้านที่ส่งเสริม ขณะที่ความไม่เชื่อมั่นก็อาจเป็นด้านที่บั่นทอน

จึงนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นว่าจะมี “การเลือกตั้ง”

ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มีเป้าหมายเดียวกัน








Advertisement

นั่นก็คือ โค่นล้ม ทำลายสิ่งที่เรียกว่า”ระบอบทักษิณ”

ในเชิงรูปธรรม สามารถโค่น นายทักษิณ ชินวัตร ได้ สามารถยุบพรรคไทยรักไทยได้

แต่ในเชิงนามธรรม”ระบอบทักษิณ”ก็ยังอยู่

เห็นได้จากชัยชนะของพรรคพลังประชาชนในเดือนธันวาคม 2550 และชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในเดือนกรกฎาคม 2554

จึงต้องเกิดรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

เป้าหมายก็อย่างที่รู้กันว่า เพราะประเมินว่ารัฐประหารเมื่อ เดือนกันยายน 2549 “เสียของ”

จึงต้องฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ทิ้งแล้วร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ขึ้นมาโดยหวังว่าจะสามารถ “ขจัด”สิ่งที่เรียกว่า”ระบอบ ทักษิณ”ลงไปให้ได้

แต่ 4 ปีผ่านไปก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถ”ขจัด”ได้

ปัญหาที่คสช.ยังไม่สามารถตกผลึกในทางความคิดได้อันทำให้เกิดความไม่แน่นอนในเรื่อง”การเลือกตั้ง”มาจากความไม่มั่นใจ

ความคิดที่จะทุบทำลายพรรคเพื่อไทยเหมือนๆกับที่เคยทำกับพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทยจึงได้ผุดขึ้นกระทั่งไปโผล่ผ่านปาก ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล พรรครวมพลังประชาชาติไทย

ทั้งๆที่ยุบมาแล้ว 2 พรรคยัง”ขจัด”ไม่ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน