ไม่ว่าการแสดงตัวของ นายอลงกรณ์ พลบุตร ไม่ว่าการแสดงตัว ของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เสมอเป็นเพียงสีสัน

เพราะน้ำหนักยังเป็นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

หากดูจากการออกโรงของ นายกรณ์ จาติกวณิช ประสานกับ นายจุติ ไกรฤกษ์ และรวมถึง นายนราพัฒน์ แก้วทอง

คะแนนยังเทให้กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มากกว่า

ยิ่งการแสดงบทบาทในแบบ”หลวงมุ่งกระแทกกลาง”ของนายสัมพันธ์ ทองสมัคร ยิ่งเท่ากับเป็นการแต้มแต่งจุดต่างทางการเมืองในแบบของพรรคประชาธิปัตย์

เพราะว่า นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ก็เป็นคนนอกพรรคเช่นเดียวกับที่ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล เป็น

กระนั้น สีสันเหล่านี้ก็สะท้อน”ความเป็นจริง”ให้ปรากฏ

มองในแง่ดีก็เหมือนอย่างที่ นายนราพัฒน์ แก้วทอง สรุปดังมาจากพิจิตร

“สุดท้ายแล้วสมาชิกจะเป็นคนตัดสิน

แตกต่างกับพรรคที่มีเจ้าของสั่งให้คนโน้นคนนี้เป็นหัวหน้า พรรค”

นั่นก็คือ สีสัน”ประชาธิปไตย”ภายในพรรค

เป็นความพยายามอันมาจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะสร้างบทบาทและความหมายอันเป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ในสถานะอันเป็น “สถาบัน”ทางการเมือง

การปรากฏของ นายอลงกรณ์ พลบุตร จึงมีประโยชน์ การปรากฏของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จึงมีประโยชน์

เป็น”ฐาน”รองรับกับตำแหน่งของ”หัวหน้าพรรค”

และที่สำคัญก็คือ ฐานแห่งอำนาจทางการเมืองขึ้นอยู่กับการประสานพลังระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ พลังของ นายชวน หลีกภัย

ตรงนี้ต่างหากคือตัวตนที่เป็นจริงของพรรคประชาธิปัตย์

การดำรงอยู่ของ นายชวน หลีกภัย เบื้องหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่างหากที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องถอย

ไม่ว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน

ไม่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือแม้กระทั่ง นายอลงกรณ์ พลบุตร ก็ตาม

อนาคต”ประชาธิปัตย์”จึงอยู่ที่ นายชวน หลีกภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน