การปรากฏขึ้นของ 4 รัฐมนตรีพร้อมกับทีมงานภายในพรรคพลังประชารัฐ ไม่เพียงแต่จะสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของคสช.ในทางการเมือง
หากยังยืนยัน “ยุทธศาสตร์” การสืบทอดอำนาจของคสช.อย่างเด่นชัด
เป็นยุทธศาสตร์บน”แนวทาง”ที่กำหนดไว้แล้วในรัฐธรรมนูญ
แนวทาง 1 คือ 250 ส.ว.ที่อยู่ในกำมือแล้วอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง
แนวทาง 1 คือ 125 ขึ้นที่จะประกอบสร้างเป็น 375 ขึ้น
เป็นหลักประกันในการเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายหลังการเลือกตั้ง
น้ำหนักของ ส.ส.จึงอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อมีความมั่นใจใน 250 ส.ว. และ 125 ขึ้น จากพรรคพลังประชารัฐเช่นนี้
น้ำหนักที่เคยวางเอาไว้กับพรรคการเมืองอื่นก็ลดทอนลง
ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชนปฏิรูป
หรือแม้กระทั่ง พรรคประชาธิปัตย์ ก็ตาม
หากดูความเหี้ยมหาญของพรรคพลังประชารัฐในการทะลวงเข้าไปในพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทย ก็จะรับรู้ว่าคสช.คิดอย่างไร
เป้าหมายก็เพื่อต้องการสร้างฐานใหญ่ทางการเมืองในภาคตะวันออก
โดยอาศัย EEC มาเป็น “จุดขาย”
บทบาทของ “พลังชล” จึงเป็นด้านหลัก บทบาทของ”สามมิตร” จึงเป็นด้านรอง
ทั้งไม่สนใจด้วยว่าพรรคประชาธิปัตย์จะรู้สึกอย่างไร
ความหวาดหวั่นของคสช. ความหวาดหวั่นของพรรคพลังประชารัฐ คือ พรรคเพื่อไทยมิใช่พรรคประชาธิปัตย์ มิใช่พรรคภูมิใจไทย
เพราะคสช.รู้อยู่เป็นอย่างดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจเป็นของตาย ไม่แตกต่างไปจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือพรรคประชาชนปฏิวัติ
250 ส.ว.คือพระเอก 125 พลังประชารัฐ คือนางเอก