หากมีเสียงเร่งเร้าให้กกต.จัดการกับพรรคการเมืองตระกูล”เพื่อ”ไม่ ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคเพื่อธรรม ไม่ว่าพรรคเพื่อชาติ ว่าเป็นนอมินี ว่าถูกครอบงำจากบุคคลภายนอก
แล้วกกต.จะมีท่าทีอย่างไรกับพรรคการเมืองตระกูล”พลัง”
เพราะไม่ว่า ไม่ว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าพรรคพลังชาติไทย ไม่ว่าพรรคพลังธรรมใหม่ ก็มีความเคลื่อนไหวที่ล่อแหลมเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากเป้าหมายของพรรคเหล่านี้ล้วนแล้วแต่รวมศูนย์ไปยังการสนับสนุนการสืบทอดอำนาจคสช.ผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น
ยิ่งพรรคพลังประชารัฐยิ่งโจ่งแจ้งเพราะรับเอาทุกอย่างมาจากโครงการ”ประชารัฐ”ของรัฐบาล
โจทย์การเมืองจากพรรคตระกูล” เพื่อ” เมื่อนำมาวางเรียงอยู่เคียง ข้างกับพรรคตระกูล”พลัง” ย่อมสร้างความหนักใจให้เป็นอย่างสูง ต่อกกต.
เป็นประเด็นในเรื่องความเที่ยงตรงในหลักการ
เพราะหากจะเล่นงานแต่พรรคตระกูล “เอื้อ” และเปิดไฟเขียว สว่างโร่ให้กับพรรคตระกูล”พลัง”
นั่นคือ รูปธรรมแห่งความลำเอียง
ไม่ว่าจะลำเอียงเพราะเห็นด้วยกับการสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะลำเอียงเพราะสยบยอมต่ออำนาจของคสช.
ก็ล้วนไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์และความสง่างามของกกต.ทั้งสิ้น
และความเป็นจริง ไม่ว่าพรรคตระกูล”เพื่อ” ไม่ว่าพรรคตระกูล “พลัง” ก็เสมอเป็นเพียงกระบวนการสร้างพันธมิตรในแนวร่วมทางการเมือง
เป้าหมายก็คือ เพื่อชัยชนะในการเลือกตั้ง
แท้จริงแล้ว การเกิดขึ้นของพรรคตระกูล “พลัง” การเกิดขึ้นของพรรคตระกูล “เอื้อ” คือ เงาสะท้อนจากโครงสร้างการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งอันเป็นไปตาม “รัฐธรรมนูญ”
ในเมื่อรัฐธรรมนูญต้องการให้ผลการเลือกตั้งแตกกระจาย ไม่เป็นเหมือนอดีตไม่ว่าเมื่อเดือนมกราคม 2544 ไม่ว่าล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
ทั้งหมดนี้ก็อยู่บนหลักการของ”รัฐธรรมนูญ”มิใช่หรือ