ปิยมหาราชรำลึก
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 มีเหตุการณ์ที่ยังความเศร้าโศกให้แก่ชาวไทยใหญ่หลวง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระประชวร และเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
เพราะทรงเป็นพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพรักของทวยราษฎร์ มีพระมหากรุณาธิคุณอเนกอนันต์ ทรงปกครองบ้านเมือง พระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า
ต่อมา ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม วันคล้ายวันเสด็จสวรรคต เป็นวันสำคัญของชาติ “วันปิยมหาราช” และให้เป็นวันหยุดราชการ
ทุกปีที่เวียนมาบรรจบ ปวงชนชาวไทยจึงพร้อมใจรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ตลอดเวลาที่ทรงครองราชย์ นานถึง 42 ปี ทรงมีพระจริยวัตรและพระปรีชาสามารถ ทรงเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงประเทศ โดยการวางรากฐานความเจริญในด้านต่างๆ รุดหน้าทัดเทียมอารยประเทศ
นอกจากนี้ ยังทรงต่อสู้กับการไล่ล่าเมืองขึ้นของบรรดาชาติมหาอำนาจจนรอดพ้น แม้จะสูญเสีย ดินแดนไปบางส่วน แต่ก็ทรงมีความสุขุมคัมภีรภาพ นำพาประเทศชาติรอดพ้นจากการตกเป็นเมืองขึ้นมาได้
ช่วงต้นรัชกาลนั้น เสด็จประพาสยังต่างประเทศทั้งเอเชียและยุโรป เพื่อสร้างความสัมพันธ์การทูต จนเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ ทำให้ข้อพิพาท และปัญหาต่างๆ ผ่อนคลายเบาบางลง
ด้วยความลึกซึ้งในพระปรีชาและ พระราโชบาย
พระราชคุณูปการของล้นเกล้าล้นกระหม่อม มีสุดคณานับเกินกว่าจะนำมาพรรณนาด้วยตัวอักษรพระราชกรณียกิจที่สำคัญอย่างยิ่งยวด ได้แก่ทรงโปรดเกล้าฯให้ยกเลิกทาส คืนความเป็นไท
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติเพื่อการนี้ขึ้นเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2417 โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงปีที่เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ จนนำมาสู่การยกเลิกทาสทุกประเภทในปี พ.ศ.2448
อีกทั้งทรงปฏิรูประบบราชการให้มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง พัฒนาระบบสาธารณูปโภค การประปา การคมนาคม การสื่อสาร รวมถึงด้านการศึกษา ที่ทรงโปรดเกล้าฯให้ตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรขึ้น
เป็นพระราชกรณียกิจที่พสกนิกรไทย ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้