FootNote การถอยร่น ของ ประชาธิปัตย์ เมื่อ พลังประชารัฐ ผงาดแทน

หากอ่านจากผลโพล ไม่ว่าจะเป็น”กรุงเทพโพล” ไม่ว่าจะเป็น”นิด้า โพล” หรือแม้กระทั่งโพลอันมากด้วยความคลุมเครืออย่างที่เรียกว่า “สังศิตโพล”

ที่น่าเป็นห่วงมิใช่พรรคเพื่อไทย เพราะถึงอย่างไรก็ยังครองอันดับ 1 หรือ 2

หากแต่เป็นพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า

ตัวอย่างล่าสุด พรรคเพื่อไทยมีคะแนนร้อยละ 12.8 พรรคพลังประชารัฐอยู่ที่ร้อยละ 11.6 พรรคประชาธิปัตย์ร่วงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.6 ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ทะยานมาอยู่ที่ร้อยละ 5.7

หากพรรคอนาคตใหม่ทะยานข้ามพรรคประชาธิปัตย์ไปได้ อนาคตของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็น่าเป็นห่วง

น่าเป็นห่วงว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจต่ำกว่า 100

กล่าวสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ พื้นที่ภาคอีสาน พื้นที่ภาคเหนือ มิได้เป็นความหวังมากนัก เพราะพื้นที่ในความยึดครองคือ ภาคใต้และกทม.

ขณะที่ความเป็นจริงก็คือ การแยกตัวของ นายสุเทพ เทือกสุ บรรณ ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งกับกทม.และภาคใต้

กทม.อย่าง นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณ กันต์ และ นายสกลธี ภัททิยะกุล ก็มิได้ไปอยู่พรรครวมพลังประชา ชาติไทย หากแต่ไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ

ทำให้กทม.กลายเป็นพื้นที่แย่งชิงระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ

ขณะที่ภาคใต้ไม่เพียงแต่พรรครวมพลังประชาชาติจะเป็นตัว บ่อนเซาะอย่างสำคัญ หากพรรคประชาชาติก็ดับฝันของพรรคประชาธิปัตย์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ยิ่งกว่านั้น การปรากฏขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ยังเป็นเบียด แซกเข้ามาอย่างทรงพลังมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ

พลันที่เกิดคลิป”อภิสิทธิ์ เสียงผมพูดจริงไม่ได้ตัดต่อ”เผยแพร่ในโลกออนไลน์ จึงเกิดการสั่นไหวภายในพรรคประชาธิปัตย์อย่างลึก ซึ้ง เพราะนี่เท่ากับเป็นอีกตัวแปร

เข้าทำนอง “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก”

เป็นตัวแปรที่กระหน่ำเข้ามาในท่ามกลางการถูกรุกไล่จากรอบด้านต่อพรรคประชาธิปัตย์ ต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องหล่นลงจากอันดับ 2

กลายเป็น”ตัวสำรอง”อันดับ 3 อันดับ 4

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน