ความหวังหลังเลือกตั้ง ในมุมหญิงนักสู้เพื่อสิทธิ

ความหวังหลังเลือกตั้ง – เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม ประจำปี 2562 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดงานเชิดชูเกียรติผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนโดยมี นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองด้านสิทธิและความเสมอภาคทางเพศภาพ ที่ห้องประชุมอเนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา

ภายในงานประกาศเกียรติยศผู้หญิง นักปกป้องสิทธิมนุษยชน 6 รางวัล ประกอบด้วย เครือข่ายผู้หญิงรักษ์น้ำอูน เครือข่ายสตรีม้งในประเทศไทย เครือข่ายปกป้องสิทธิ ผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลนิธิผู้หญิง น.ส.สุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้ประสานงานเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงาน ข้ามชาติ และนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 โดยมี น.ส.คาเทีย คีรีซซี รองผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสห ประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมยินดี

อังคณา

นางอังคณา นีละไพจิตร กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้หญิงออกมาทำงานปกป้องสิทธิมนุษยชนมากกว่าผู้ชาย และด้วยความเป็นหญิงทำให้ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนต้องแบกรับภาระหลายอย่างมากขึ้น การถูกคุกคามยังทำให้ ผู้หญิงรู้สึกหวาดกลัวและไม่มั่นคงในชีวิต การประกาศเกียรติยกย่องผู้หญิงที่ทำหน้าที่ปกป้องสิทธิมนุษยชนจึงเป็นกำลังใจให้ผู้หญิงทุกคนที่ทำหน้าที่อย่างกล้าหาญ เสียสละ และเพื่อให้สังคมตระหนักถึงคุณค่าการทำงานของผู้หญิงเพื่อเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญและมีมาตรการคุ้มครองผู้หญิงที่ทำงานด้านปกป้องสิทธิมนุษยชนให้มากขึ้น

นางพะเยาว์ อัคฮาด กล่าวว่าคนส่วนมากคงรู้แล้วว่าตนต่อสู้ทั้งหมดเพราะเสียลูกสาวไปจากเหตุการณ์ทางการเมืองปี 2553 จากแม่ที่ไม่เคยสนใจเรื่องการเมือง วันๆ เอาแต่ ทำมาหากิน ไม่สนใจการเลือกตั้ง จนวันที่เสียลูกสาวไป เขาเป็นอาสาพยาบาล เสียชีวิตในวัดแต่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แม่เป็นแม่ของผู้ก่อการร้าย เจ้าหน้าที่รัฐไม่เคย ได้รับโทษ ตนจำเป็นต้องเรียกร้องสิทธิให้ลูก ให้ผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นั้น พวกเขาทุกคนต้องได้รับความเป็นธรรม

“วันที่ 24 มี.ค.นี้ จะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อมีรัฐบาลใหม่ที่เป็นรัฐบาลประชาธิปไตย หากถามว่าคาดหวังให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ช่วยเหลือ อะไรเราบ้าง อย่างน้อยๆ เราก็คาดหวังในกระบวนการ ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ผ่านไปด้วยดีโดยที่มีรัฐบาลประชาธิปไตย จะเป็นการรวมกันอย่างไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่รัฐบาลของทหาร ที่ขึ้นมาสืบทอดอำนาจ เราถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศที่มีปัญหาทุกเรื่อง แม้กระทั่งกฎหมายที่ออกมาบังคับใช้ รัฐบาลใหม่ต้องแก้ไขแน่นอน กระบวนการยุติธรรม การทำความจริงให้ปรากฏจะต้องเริ่มขับเคลื่อน เป็นความหวัง เพราะอย่างน้อยๆ ดิฉันจะไม่ยอมให้การตายของลูกและประชาชนในวันนั้นต้องเหมือนในอดีตที่ผ่านมา คือพยายามจะลากยาวมาให้ถึง 20 ปี เพื่อหมดคดีความ” นางพะเยาว์กล่าว

ด้าน น.ส.รอซิดะห์ ปูซู ตัวแทนเครือข่ายปกป้อง สิทธิผู้หญิงมุสลิมจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่าหลายปีที่ผ่านมาที่เราต่อสู้เพื่อผู้หญิงมุสลิม ความเปลี่ยนแปลงตอนนี้คือเราเห็นผู้หญิงได้เป็นผู้นำในการทำงานด้านต่างๆมีผู้ให้โอกาส เห็นความสามารถของผู้หญิงมากขึ้น ต่อไปกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้เครือข่ายเราเป็นส่วนหนึ่งในเวทีนานาชาติ และเราอยากได้พื้นที่ปลอดภัยในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

สมัย

ขณะที่ นางสมัย มังทะ เครือข่ายกลุ่มรักษ์น้ำอูน กล่าวว่ารางวัลที่ได้ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจ เป็นกำลังใจและเป็นแรงผลักดันให้สู้ต่อไป สิ่งที่ยากที่สุดคือความกดดันด้านจิตใจ เพราะความเห็นต่างของคนในพื้นที่ อยากให้พี่น้องในชุมชนรักบ้านเรา รักษาสิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ ให้ลูกหลานอยู่สบาย วันที่ 24 มี.ค.นี้ อยากเห็นประชาธิปไตย อยากให้ตัวแทนประชาชนเข้าไปนั่งในรัฐบาลเพื่อ ขับเคลื่อนประเทศชาติต่อไป

สุธาสินี

น.ส.สุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้ประสานงานเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) กล่าวว่า “หากถามว่าอยากเรียกร้องอะไร หากเรามีรัฐบาลใหม่อยากให้ยกเลิกพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพราะเป็นสิ่งที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของเรา ยกเลิกพ.ร.บ.การชุมนุม เพราะถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนทุกคน เป็นเครื่องมือของคนจนที่ปราศจากอาวุธ”

นางรัศมี ทอศิริชูชัย เครือข่ายสตรีม้งในประเทศไทย กล่าวว่าดีใจและภูมิใจที่สังคมเห็นความพยายาม และเห็นประโยชน์ในสิ่งที่เครือข่ายทำ การทำงานที่เหน็ดเหนื่อยและล้าวันนี้ไม่สูญเปล่า จะสู้ต่อไป ในสังคมม้ง ผู้ชายเป็นใหญ่ การทำงานของเราจะรวมตัวกันเพื่อหาทางออกของปัญหา คำพูดของผู้หญิงแทบไม่มีค่าเลย จึงใช้สันติวิธี ดึงผู้อาวุโส ผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม พบกุญแจไขปริศนาวัฒนธรรมที่สำคัญมากที่ทำให้พวกเราทุกคนยิ้มออกมาได้ โครงการรับลูกสาวกลับบ้านช่วยเหลือได้ถึง 40 คน เครือข่ายฯ หวังว่าเรื่องนี้จะถูกกดดันด้วยกฎหมาย เพื่อความเสมอภาคกันในสังคมชาวม้ง

น.ส.ดาราราย รักษาสิริพงษ์ ตัวแทนมูลนิธิผู้หญิง กล่าวว่า “ที่ผ่านมาถูกคุกคามบ้าง เพราะทำเรื่องความรุนแรงของคนในครอบครัว คนบางคนคิดว่านี่เมียเขา เขาจะทำอะไรก็ได้ การได้รับรางวัลนี้อาจทำให้เสียงของ เราได้รับการรับฟังมากขึ้น ความรุนแรงในผู้หญิงและในครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักกับคดีเหล่านี้ การไม่ให้ความสำคัญกับความยุติธรรม หรือพยายามไกล่เกลี่ยอย่างเดียว ทำให้ผู้หญิงที่ถูกกระทำความรุนแรงไม่มีทางเลือก พวกเธอต้องเผชิญปัญหาโดยลำพังและโดดเดี่ยวมาก แม้ขณะนี้จะมีกฎหมายเรื่องความรุนแรงในครอบครัว แต่ยังไม่อาจนับเป็นความสำเร็จได้ เพราะทัศนคติเรื่องนี้ยังไม่เปลี่ยนมากนัก”