ท่าทีอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่าทีอันมาจากพรรคภูมิใจไทยโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส่งแรงสะเทือนโดยตรงไปยัง 2 จุดสำคัญ

1 ที่รับไป พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย

ขณะเดียวกัน 1 ที่ถูกกวาดรวมเข้ามาภายใต้คำประกาศ คือบรรดาพรรคการเมืองที่ “กั๊ก”ตัวเอง ภายใต้คำประกาศว่ารอดูผล การเลือกตั้งก่อน

นั่นก็หมายถึง พรรคชาติไทยพัฒนา นั่นก็หมายถึง พรรคชาติพัฒนา

เพราะเท่ากับจำเป็นต้องเลือก จำเป็นต้องตัดสินใจ

เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย มีความแจ่มชัด เหตุใดพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา จึงไม่ชัด

ถามว่าพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ รวมถึงพรรคอนาคตใหม่ เหตุใดจึงไม่กระทบกระเทือนจากท่าทีของพรรค ประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย

เพราะพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ รวมถึงพรรคอนาคตใหม่ มีความแจ่มชัดอย่างยิ่ง

แจ่มชัดว่าไม่เอาการสืบทอดอำนาจของคสช.โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่ก่อนปี่กลองการเลือกตั้งเริ่มด้วยซ้ำไป แจ่ม ชัดว่าไม่ตั้งความหวังอะไรกับ 250 ส.ว.ทั้งสิ้น

พวกเขาจิตหนึ่งใจเดียวว่าจะต้องให้ได้เสียงเมื่อรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 250 หรือถึงขั้น 376 เสียงด้วยซ้ำไป

ดังนั้น เมื่อมีคำประกาศจากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อมีคำยืนยันจากพรรคภูมิใจไทย จึงแทบไม่ส่งผลสะเทือนอะไรกับพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ หรือพรรคอนาคตใหม่

ตรงกันข้าม กลับส่งเสริมความมั่นใจว่ามาถูกทางก่อนแล้ว

จึงกลายเป็นว่า คำประกาศของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อประสานกับคำยืนยันของพรรคภูมิใจไทย จะก่อให้เกิดความสั่นไหวภายใน พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย มากกว่า

เพราะเท่ากับไปโยกคลอนหลักการ แนวทางของตน

เพราะเท่ากับทำให้การต่อสู้แทนที่จะไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคอนาคตใหม่ กลับพุ่งเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช.

เท่ากับเป็นของขวัญวันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน