ทำความเข้าใจทูต
ทำความเข้าใจทูต : กรณีเจ้าหน้าที่ทูตนานาประเทศ 12 คนเดินทางไปสังเกตการณ์ที่สน.ปทุมวัน พร้อมนาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา 116 เมื่อวันที่ 6 เมษายน กลายเป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศต้องเชิญตัวแทนสถานทูตเข้ามาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ
ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า ความเคลื่อนไหวนี้ผิดหลักทางการทูตของสหประชาชาติและในหลายๆ ประเทศ
หากมีข้อสงสัย หรือไม่เข้าใจ ไม่กระจ่าง สถานทูตจะเป็นผู้ถามมายังกระทรวงการต่างประเทศก่อน ไม่ใช่เพียงแต่ตามมารยาท แต่เป็นตามหลักระเบียบกฎเกณฑ์ปกติสากล
กรณีที่สถานทูตไม่ได้สอบถามมายังกระทรวงการต่างประเทศ จึงเกิดคำถามขึ้นว่าเพราะเหตุใด
รัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์การเป็นทูตใหญ่มาก่อน พยายามย้ำว่า สถานทูตจะต้องเข้าใจตามหลักการปฏิบัติในหลายประเทศ
กรณีที่ต้องติดตามเรื่องของคนประเทศนั้นๆ ที่มีปัญหา เช่น ถ้ามีการเดินขบวน ทูตจะทำได้เพียงสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ โดยจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องภายในของประเทศอื่น
ส่วนผู้นำคสช.แจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบด้วยว่า เจ้าหน้าที่ทูตที่ไปสน.ปทุมวันในวันดังกล่าวเป็นตัวแทนทูตจริงหรือไม่ พร้อมย้ำว่าคดีของนายธนาธรดังกล่าวเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ
ท่าทีของทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และคสช. จึงเหมือนกับส่งสัญญาณย้ำว่าไม่ต้องการให้มีการแทรกแซงจากนานาประเทศ
มีข้อสังเกตว่าผู้แทนสถานทูตที่ไปร่วมสังเกตการณ์ที่สน.ปทุมวันดังกล่าว ล้วนเป็นชาติพันธมิตรกับไทย รวมถึงสหประชาชาติที่ไทยเป็นสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2489 ทั้งไทยยังเป็นภาคีสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชน
การเรียกตัวแทนสถานทูตมาทำความเข้าใจอาจเป็นไปตามหลักการทางการทูตที่ควรกระทำ แต่ขณะเดียวกันก็น่าสำรวจตรวจสอบตนเองเช่นกันว่า ประเทศได้ดำรงความเป็นปกติตามหลักสากลหรือไม่
การเลือกหนทางการแก้ปัญหาทางการเมืองด้วยการรัฐประหารนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เป็นที่ยอมรับ และทำให้นานาประเทศต่างพยายามให้กำลังใจและสนับสนุนให้ไทยฟื้นฟูประชาธิปไตยกลับมา
ความเป็นปกตินี้เกิดขึ้นจนนานาประเทศเชื่อมั่นแล้วหรือยัง