ยากกว่าตั้งรัฐบาล : บทบรรณาธิการ

ยากกว่าตั้งรัฐบาล – สถานการณ์โลกในสัปดาห์นี้เกิดความเสี่ยงที่น่าระทึกหลายด้าน โดยเฉพาะการเจรจาศึกการค้าระหว่างมหาอำนาจจีนกับสหรัฐ อเมริกา ซึ่งมีการข่มขู่ว่าสหรัฐจะขึ้นภาษีสินค้าจีน มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 วันที่ 10 พ.ค.นี้

นอกจากนี้ยังมีการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน ถึงขั้นเคลื่อนอาวุธเข้าไปยังอ่าวอาหรับ

หากสถานการณ์ตึงเครียดเหล่านี้ไม่คลี่คลายย่อมส่งผลให้เกิดความหวั่นไหวต่อเศรษฐกิจโลก

โดยเฉพาะประเทศที่มีอาการซึมลึกอยู่แล้ว ผลกระทบระลอกใหม่อาจทำให้ลำบากหนักกว่าเดิม

ด้วยปัจจัยภายนอกดังกล่าวมาบรรจบกับสถานการณ์การเมืองของไทยที่ส่งสัญญาณว่า พรรคที่มีจำนวนส.ส.เป็นอันดับหนึ่งจะไม่ได้รับโอกาสให้จัดตั้งรัฐบาลก่อน สะท้อนบรรยากาศไม่ปกติราบรื่น ยิ่งอาจทำให้สถาน การณ์เศรษฐกิจตึงเครียดขึ้น

ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนที่เรียกร้องให้รัฐบาลใหม่เร่งมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีกครั้ง จำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคออกมาโดยเร็ว ข้อเรียกร้องนี้อาจไม่ได้เห็นผลในเวลาอันใกล้

ยิ่งเมื่อการส่งออกที่ถูกกดดันจากสงครามการค้า ทำให้ประเมินกันว่าอาจกระทบต่อการส่งออกของไทย การขยายตัวดิ่งลงต่ำกว่าร้อยละ 3

แรงกดดันนี้จะส่งผลให้ภาคการเมืองต้องปรับตัวหรือไม่ กำลังเป็นคำถามที่ควรคิดถึงอย่างจริงจัง

แม้ว่าความเคลื่อนไหวขององค์ประกอบทางการเมืองหลายส่วน ไม่ว่าการตัดสินใจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งคณะ และการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองที่มีคะแนนอันดับสอง บ่งบอกว่ารัฐบาลชุดใหม่อาจไม่แตกต่างจากคณะรัฐบาลในช่วงรัฐประหาร

จังหวะเวลาที่เศรษฐกิจบีบคั้น และสถาน การณ์ภัยแล้งคืบคลานเข้ามานี้ เป็นคำถามว่าจะมีการแก้ไขปัญหาและใช้มาตรการรับมือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมหรือไม่ จะมีการประเมินผลและตรวจสอบที่ชัดเจนขึ้นหรือไม่

การชิงตั้งรัฐบาลให้ได้ จะไม่สำคัญเท่ากับงานที่รออยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน