เพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ความอึกทึกเนื่องแต่ยื้อตำแหน่งภายในพรรคพลังประชารัฐก็เงียบลง
ข่าวที่ตามมาก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยันทุกอย่างจะเป็นไปตาม DEAL เดิมในทางการเมือง
นั่นหมายถึง พรรคประชาธิปัตย์จะได้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นั่นหมายถึง พรรคภูมิใจไทยจะได้กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่เปลี่ยนไปจากนี้
นี่คือการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีอย่างแท้จริง
หากทุกอย่างเป็นไปตาม “พาดหัวตัวไม้”ของสื่อหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าวันที่ 12 มิถุนายน ก็แสดงให้เห็นว่า DEAL เดิมนั้นเป็นอย่างไร
และทำไมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ยืนกระต่ายขาเดียวว่าทุกอย่างจบแล้ว
จบตั้งแต่ก่อนพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเป็น “มติ”
และเมื่อทั้ง นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ออกมายืนยันว่ายังไม่จบ มีความจำเป็นต้องหารือกันต่อระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่ายังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแปลงใดๆส่งมา
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการ DEAL ที่เกิดขึ้นนั้นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย มิได้ DEAL กับนายอุตตม สาวนายน และหรือ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
หากแต่เป็นการ DEAL กับบุคคลที่มีอำนาจเหนือกว่าทั้ง นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ถามว่าเหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงสามารถทุบโต๊ะได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
คำตอบ 1 เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี
คำตอบ 1 เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชื่อฟังบุคคลที่ไป DEAL กับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และคำตอบ 1 เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี 250 ส.ว.อยู่ในมือ
ในที่สุดสังคมก็รู้สถานะแท้จริงของพรรคพลังประชารัฐ