วิบากกรรมของว่าที่รัฐมนตรีอันมีพื้นฐานมาจากการเป็น ส.ส.บางคน ไม่ว่าจะจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะจากพรรคภูมิใจไทย เด่นชัดยิ่งว่าเป็นวิบากกรรมมาจากอดีต
เพียงแต่เป็นอดีตอันเป็นการก่อขึ้นโดยใคร
อย่างเช่นกรณีของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.หลายสมัยจากอุทัยธานี เด่นชัดอย่างยิ่งว่าเป็นเรื่องในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
นายชาดา ไทยเศรษฐ ตระหนักดีว่าเป็นคำสั่งของใครและดำเนินการโดยใคร
ขณะที่กรณีของ นายนิพนธ์ บุญญามณี มีความสลับซับซ้อนมากยิ่งกว่า
เหมือนกับเป็น”ศึกใน”แต่ประสานมาจาก”ภายนอก”
ประเด็นของ นายนิพนธ์ บุญญามณี เด่นชัดยิ่งว่ามาจากความขัด แย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก
ดูจาก 3 สถานการณ์เป็นหลัก
1 สถานการณ์การชิงหัวหน้าพรรคระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
และ 1 สถานการณ์การชิงหัว หน้าพรรคระหว่าง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ กับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
ถามว่าในสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี อยู่ตรงข้ามใคร
ขณะเดียวกัน อีกสถานการณ์ 1 ซึ่งสำคัญเป็นลำดับถามว่าการต่อสู้ในสงขลาพรรคประชาธิปัตย์ต่อสู้กับใคร และพรรคการเมืองใดที่มาแย่งชิงพื้นที่อันพรรคประชาธิปัตย์เคยยึดครองในสงขลา
คำตอบคือ พรรคพลังประชารัฐ
ถามต่อไปว่าแกนใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ที่สามารถแย่งชิงหลายพื้นที่อันเคยเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นใครและมีเป้าหมายการเมืองอย่างไร
คำตอบคือ ต้องการชิงพื้นที่อบจ.สงขลา
ไม่ว่ากรณีของ นายนิพนธ์ บุญญามณี แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่ากรณีของ นายชาดา ไทยเศรษฐ แห่งพรรคภูมิใจไทย คงมองเห็นแล้วว่าคู่ต่อสู้เป็นใคร มิใช่เพื่อไทย มิใช่อนาคตใหม่
ตรงกันข้าม เป็นพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนที่แนบแน่นอยู่กับคสช.มาอย่างยาวนาน
หากมิใช่ตรงนี้ก็คงต้องต่อสู้ไปอย่างสะเปะสะปะ