ซ้ำเติมจ่านิว
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ซ้ำเติมจ่านิว – เรื่องที่น่าตกใจพอๆ กับคดีที่มีผู้ทำร้ายจ่านิว นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักกิจกรรมทางการเมืองทั้งสองครั้งในเดือนมิถุนายน คือปฏิกิริยาของผู้คนส่วนหนึ่งในโลกออนไลน์
คนกลุ่มนี้เผยแพร่ข้อความสนับสนุนและสะใจกับความรุนแรง มีส่วนหนึ่งตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการกระทำของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลด้วยกันเอง และมีที่เยาะเย้ยว่า เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้จ่านิวเจ็บตัวเพื่อจะได้รับเงินบริจาค
การแสดงความเห็นนี้แม้อาจอ้างสิทธิว่าทำได้ แต่ก็เกินขอบเขตของสามัญสำนึกที่เพื่อนมนุษย์พึงมีความเมตตาต่อกัน
อีกทั้งยังเป็นวาทะสร้างความเกลียดชัง หรือเฮตสปีช ทำร้ายจิตใจเหยื่อและครอบครัว รวมถึงคนในสังคมที่ยึดสันติวิธี
ปฏิกิริยานี้ดูจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในปี 2553 และการต่อต้านการเลือกตั้งเมื่อปี 2557
เหตุการณ์ปี 2553 มีการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม พร้อมการใช้อาวุธหนัก และกระสุนจริง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมแล้วเกือบ 100 ราย
วาทะเฮตสปีชที่ออกมาในขณะนั้น และยังคงตกค้างถึงวันนี้ โดยไม่ศึกษาเหตุการณ์ให้รอบด้าน มีทั้งกล่าวหาทำร้ายและฆ่ากันเอง มีทั้งสนับสนุนให้กำจัดพวกเผาบ้านเผาเมือง และมีทั้งสาปแช่งอาฆาต
ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงในปี 2557 ที่มีการปลุกระดมให้ต่อต้านการเลือกตั้ง 2 พ.ค. และเกิดเหตุการณ์มือปืนป๊อปคอร์นกราดยิงที่เขตหลักสี่ มีผู้ถูกลูกหลงบาดเจ็บและเสียชีวิต
แต่กลับมีการแสดงของกลุ่มดาราบนเวทีผู้ต่อต้านรัฐบาล และเฮตสปีช ในโลกออนไลน์ สนับสนุนการใช้อาวุธและความรุนแรงอย่างไร้วิจารณญาณ
การแสดงออกทางการเมืองที่ยึดอารมณ์เป็นใหญ่ มากกว่าการใช้เหตุผล คิด วิเคราะห์ ใคร่ครวญ กำลังเป็นคำถาม ว่าเราจะเลือกมีสังคมเช่นนี้หรือ
หรือเราควรมีสังคมที่ปฏิเสธการใช้ความรุนแรง หลีกเลี่ยงสร้างความเกลียดชัง เป็นสังคมที่รู้จักเห็นอกเห็นใจ และอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
กรณีจ่านิวถูกทำร้ายไม่เพียงเป็นโจทย์ที่ตำรวจต้องจับคนร้ายให้ได้ แต่ยังเป็นโจทย์สำหรับการพัฒนาวุฒิภาวะในการแสดงออกด้วย