อย่าโทษรัฐบาล? : บทบรรณาธิการ
สถานการณ์โลกที่ตึงเครียดตั้งแต่ต้นปี 2563 จากเหตุการณ์เผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันโลกกลายเป็นอีกปัจจัยใหญ่ที่จะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลก
ส่วนจะกระทบมากหรือน้อยล้วนอยู่นอกเหนือการควบคุมของประเทศอื่น
สิ่งที่ประเทศอื่นๆ ทำได้มีเพียงการแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องให้ผู้ใช้ความรุนแรงยุติความรุนแรง แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่รัฐบาลแต่ละประเทศต้องหาทางรับมือและบรรเทาเพื่อให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด
ไม่เฉพาะกับตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่หมายถึงชีวิตความเป็นอยู่อย่างแท้จริงของประชาชน
การที่รัฐบาลแสดงอาการอึดอัดที่ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ผลงานด้านเศรษฐกิจ พร้อมชี้แจงถึงการเผชิญข้อจำกัดต่างๆ อาจเป็นคำอธิบายถึงความพยายามตั้งใจทำงานอยู่อย่างเต็มที่แล้ว จึงไม่ควรมีแต่เสียงติ แต่ควรเสนอวิธีแก้ไขปัญหาให้รัฐบาลมากกว่า
ท่าทีดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องดี แต่แท้จริงแล้วรัฐบาลมีกลไกทางการเมืองระบบรัฐสภาเป็นช่องทางสำหรับรับฟังข้อมูลที่ควรได้รับอย่างเต็มที่ ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้กระบวนการนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างไร
หากรัฐบาลจัดตั้งมาได้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ก็ควรได้ยินข้อเรียกร้องและหนทางแก้ไขปัญหาจากประชาชนส่วนใหญ่ได้ชัดเจนขึ้น
ประเด็นสำคัญคือรัฐบาลตั้งใจรับฟังเสียงที่หลากหลายนั้นหรือไม่
หากรัฐบาลปลาบปลื้มว่า งานโอท็อปซิตี้ 2019 มียอดขายทำลายสถิติรอบ 5 ปี แสดงให้เห็นว่า ชุมชนและสินค้าต่างๆ มีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
รัฐบาลต้องพิจารณาด้วยว่าได้เห็นมุมอื่นๆ ที่ผู้ผลิตสินค้าชุมชน หรือธุรกิจรายย่อยอื่นๆ กำลังประสบอยู่ด้วยหรือไม่
ได้ประเมินผลการใช้เงินสนับสนุนและมาตรการต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงอย่างไร
หากรัฐบาลไม่ต้องการถูกกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุความซบเซาทางเศรษฐกิจ ไม่ต้องการให้ระบุถึงเหตุการณ์คนฆ่าตัวตายว่ามาจากพิษเศรษฐกิจ ก็ต้องแสดงมาตรการรับมือเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกันกับที่ประชาชนเรียกร้อง