คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
การเลือกตั้งประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากไม่ค่อยเป็นข่าวที่รับทราบของคนภายนอกเหมือนกับในปีนี้ ยังไม่เคยมีครั้งใดสร้างแรงกระเพื่อมทางความคิดเห็นได้มากเท่ากับปีนี้
เหตุผลสำคัญอยู่ที่ผู้ได้รับเลือกตั้งคือนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นเยาวชนที่มีบทบาท ในการแสดงความคิดเห็นด้านสิทธิมนุษยชนและการเมืองมาตั้งแต่สมัยอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
เคยเป็นเลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย และกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท
เป็นผู้ที่ตั้งคำถามในประเด็นท้าทายสังคมที่ ผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่ ตั้งแต่โรงเรียนจนมาถึงสถาบันอุดมศึกษา
เป็นเรื่องที่ไม่พบเห็นบ่อยนักในสังคมไทย
การแสดงออกทางความคิดของเนติวิทย์สะท้อนถึงแนวเสรีนิยม แม้จะเป็นเด็กเรียนดีแต่ไม่อยู่ในกรอบของเด็กดีในค่านิยมความคิดเดิมที่ต้องเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่โดยไม่ปริปาก
ยิ่งเมื่อไม่ทำตามความนิยมเดิมของผู้ที่เคยปฏิบัติกันมา เช่น ไม่เห็นด้วยกับหรือศรัทธากับระบบโซตัสและการรับน้อง จึงทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
สิ่งที่น่าวิตกคือการตอบโต้ของผู้ไม่เห็นด้วยในกลุ่มอนุรักษนิยมนั้นหลายคนและหลายครั้งเป็นไปอย่างรุนแรงถึงขั้นเป็นเฮตสปีช
แสดงถึงความเกลียดชัง เหยียดหยาม เย้ยหยัน และกล่าวร้าย เสี่ยงต่อการเพิ่มความขัดแย้งทางการเมือง
อีกทั้งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความเป็นปัญญาชน
คําประกาศของเนติวิทย์ในฐานะประธานสภานิสิตคนใหม่ ว่าจะมุ่งเน้นปกป้อง คุ้มครอง และส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของนิสิตจุฬาฯ เป็นถ้อยคำที่เรียบง่ายและสุภาพ มิได้ท้าทายหรือหมิ่นประมาทใดๆ
หากจะต้องมีการตรวจสอบการทำหน้าที่ของเนติวิทย์ ก็ควรใช้คำประกาศเกี่ยวกับนโยบายนี้ว่าทำได้จริงหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
การใช้วิธีข่มขู่คุกคามถึงขั้นมีเหตุการณ์ที่มีบุคคลเข้าไปถามหาเนติวิทย์ถึงภายในรั้วมหาวิทยาลัยอันเป็นสถาบันการศึกษานั้นไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง
เพราะนั่นไม่ใช่วิธีปฏิบัติที่สุภาพชนพึงมี