เหตุเกิดที่ฝ่ายรัฐบาล

คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

เหตุเกิดที่ฝ่ายรัฐบาล : ปัญหาที่ไม่น่าจะเกิดแต่เกิดขึ้นแล้วจากการเสียบบัตรแทนกันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินประจำปี 2563 และเศรษฐกิจของประเทศ

ขั้นตอนระหว่างนี้คือรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กระบวนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ที่มีการเสียบบัตรแทนกันดังกล่าว ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

สิ่งที่รัฐบาลพยายามบอกกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่าเมื่อเงินงบประมาณไหลเข้าระบบเศรษฐกิจและการลงทุนของภาครัฐ จะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2563 จึงติดขัด ขณะที่ภาคเอกชนยังไม่มั่นใจปัจจัยด้านลบหลายอย่างที่รุมเร้า ไม่ว่าภายนอกหรือภายในประเทศ

ดังนั้น แม้ปัญหาจะเกิดที่ฝ่ายนิติ บัญญัติ อีกทั้งเป็นส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาล ฝ่ายบริหารจะต้องรับมือผล กระทบที่ตามมาไม่ว่าศาลจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร

ผู้นำรัฐสภาแสดงความเห็นว่า เงื่อนไขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไม่ถึงกับเป็น ทางตัน เพราะมีกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นทางออกได้

ส่วนรัฐบาลยืนยันว่าแม้งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ล่าช้า แต่จะไม่เกิดภาวะชัตดาวน์และไม่กระทบกับเงินเดือนข้าราชการอย่างแน่นอน

โดยระบุว่าสำนักงบประมาณจะพิจารณารายละเอียดต่างๆ ทั้งเรื่องระเบียบ กฎหมาย แหล่งที่มาของเงินอย่างรอบคอบ รวมถึงบางส่วนที่ใช้งบประมาณปี 2562 ไปก่อน

อย่างไรก็ตาม การประเมินดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ยังไม่ได้ประเมินผลกระทบในระยะกลาง และระยะยาวต่อสภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่ไม่สดใสนัก

สําหรับการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เป็นอีกความหวังของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลประเมินว่าต่อให้งบประมาณปี 2563 ล่าช้า จะไม่กระทบกับโครงการอีอีซี เนื่องจากเงินลงทุนเริ่มต้นจากภาคเอกชน

ข้อสงสัยจึงอยู่ที่ว่าเอกชนจะเดินหน้าโครงการเลยหรือไม่ มีความคืบหน้าอย่างไร

เอกชนยังคงมั่นใจในศักยภาพของรัฐบาล เพียงใด หลังจากสมาชิกพรรคการเมืองของรัฐบาลเองมีส่วนทำให้งบประมาณปี 2563 สะดุดลง

รัฐบาลได้กู้ศรัทธาหรือแก้ปัญหานี้ลุล่วงหรือไม่อย่างไร