FootNote:ปฏิบัติการจับประยุทธ์ขึ้นเขียง ชำแหละเนื้อในออกมาล่อนจ้อน
เพียงปล่อยเนื้อหาของญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะอีก 5 คนออกมา ความร้อนแรงก็เริ่มปรากฏ
เพียงระบุ “เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้อง”หัวร้อน”โดยอัตโนมัติ
ยิ่งเมื่อประสบกับวลีขมวดในท่อนต่อมาที่ว่า “เป็นผู้นำประเทศที่กร่าง เถื่อน”
ยิ่งทำให้การพักผ่อนอย่างสงบที่บ้านต้องถูกทำลายโดยพลัน
ถึงแม้จะมีความพยายามซ่อนงำมิให้ญัตติตกถึงมือ แต่ก็ยากอย่างยิ่งที่จะทำได้เพราะทีวีเกือบทุกช่องล้วนนำไปอ่าน
นี่คือด่านแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเผชิญ
ใครก็ตามที่อ่านเนื้อความของญัตติอย่างละเอียดทุกประโยค ทุกคำจะตระหนักได้ถึงแรงระเบิดอันผ่านถ้อยคำ เป็นระเบิดที่ฝังในความรู้สึกนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
ความพยายามของรัฐบาลที่จะไม่ให้มีการอภิปรายในลักษณะฟื้น อดีตคงยากที่จะเป็นไปได้
จากเดือนพฤษภาคม 2557 กระทั่งถึงเดือนมีนาคม 2562 ถือได้ว่าอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของคสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กดทับเหนือสังคมประเทศไทย
การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ต่างหากคือช่องระบายเพราะส่งผลให้คสช.ต้องจบสิ้นไป จะคงเหลืออยู่ก็เพียง”ระบอบ”อันสำแดงผ่านรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
เพราะมิได้เป็นอำนาจอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นิยามความหมายผ่านคำว่า”กร่าง เถื่อน”จึงระเบิดออกมา
เพียงเนื้อความของญัตติก็ปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรงอยู่แล้ว เมื่อใดที่การอภิปรายทั่วไปเริ่มต้นขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องใช้ความอดทน อดกลั้นเป็นอย่างสูง
เพราะนี่คือการเช็กบิล การเมือง อย่างมีนัยสำคัญนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
เป็นการเช็กบิลในลักษณะจับขึ้นเขียงแล้วชำแหละ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจมี”ตัวช่วย”แวดล้อมอยู่บ้าง แต่ในที่สุดก็ต้องนอนสงบอยู่บนเขียงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น
นี่คือกรรมอัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้กระทำเอง
