มีชาวบ้านสักกี่คนที่จะรู้ว่ามี”ห้องวงษ์สุวรรณ”ดำรงอยู่ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ
นี่ย่อมมิใช่เรื่องของ “ชาวบ้าน”
จำกัดวงให้แคบเข้ามาอีกก็คือ เป็นความรับรู้ในแวดวงของ”ทหาร”เพราะโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯสังกัดกรมแพทย์ทหารบก
ถามต่ออีกว่ามีชาวบ้านสักกี่คนที่จะรู้เรื่องการประกอบระเบิด
ยิ่งเป็นระเบิดอย่างที่เรียกว่า”ไปป์บอมบ์”ยิ่งน้อย
ถึงแม้จะมีการระบุว่าหาอ่านจาก”ออนไลน์”ก็ได้ แต่อ่านแล้วประกอบได้เองเลยหรือ
นีจึงเป็นเรื่องของคนที่รู้เรื่อง”ระเบิด”
ขณะเดียวกัน หากระบุว่าระเบิดในเดือนพฤษภาคม 2560 สัมพันธ์กับระเบิดในปี 2550
ยิ่งทำให้”กรณี”มากด้วยความสลับซับซ้อน
เพราะระเบิดเมื่อปี 2550 ตูมแรกที่เมเจอร์ รัชโยธิน ตามด้วยหน้าบก.ทบ. ตามด้วยซอยราชวิถี 26
ขณะที่ระเบิดในปี 2560 ยิ่งล่อแหลม
ตูมแรกที่ถนนราชดำเนินกลาง หน้ากองสลากเก่า วันที่ 5 เมษายน ตูม 2 ที่บริเวณข้างโรงละครแห่งชาติ ใกล้สนามหลวง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม
ตูม 3 ที่ห้องวงษ์สุวรรณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม
ล้วนเป็น”สถานที่”อันมีการระแวดระวังสูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถนนราชดำเนินกลาง โรงละครแห่งชาติ อยู่ใกล้กับท้องสนามหลวง
และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯก็เป็น”พื้นที่ทหาร”
นี่จึงมิได้เป็นเรื่องของ”ชาวบ้าน”เดินดินกินข้าวแกงอย่างธรรมดา แต่เป็นเรื่องที่มาจากที่เรียกว่า “คนชั้นสูง”
เพียงแต่เป็นคนชั้นสูงที่ “เลว” และ”เหี้ยม”
เพียงแต่เป็นคนชั้นสูงที่วนเวียนอยู่ในความขัดแย้ง แย่งชิงในทาง “การเมือง”
เลือกที่จะใช้”ระเบิด” เลือกที่จะใช้กระบวนการทาง”ทหาร”
และเลือกเอาวันที่ 22 พฤษภาคม เป็นวัน”ดีเดย์”