FootNote : เงื่อนงำ ครม.พลังประชารัฐ หนักยิ่งกว่าไวรัสโควิด-19
แม้ความสนใจของรัฐบาล และของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพุ่งไปยังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19
แต่จริงๆแล้วความหงุดหงิดเป็นอย่างมากอยู่ที่การปรับครม.
พลันที่พรรคภูมิใจไทยเด้งออก พลันที่พรรคประชาธิปัตย์เด้งออก พลันที่พรรคชาติไทยพัฒนาเด้งออก
ภาระก็ตกอยู่กับพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มเปี่ยม
ในเมื่อไม่สามารถปรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ จึงต้องมองไปยังคนอื่น
ไม่ว่าจะเป็น นายดอน ปรมัตถ์วินัย ไม่ว่าจะเป็น นายวิษณุ เครืองาม
นี่คือความหนักใจอย่างแท้จริงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่อาจตัดออกได้ด้วยหลายเหตุผลที่ประดังเข้ามารอบด้าน แล้วจะตัด นายดอน ปรมัตถ์วินัย ตัด นายวิษณุ เครืองาม ออกได้อย่างไร
เพราะคอนเน็คชั่นต่างประเทศของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ล้วนทำเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะ นายวิษณุ เครืองาม สนองความต้องการในเรื่องกฎหมาย ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าหลังรัฐประหาร ไม่ว่าก่อนการเลือกตั้ง ที่ทอดตนทำหน้าที่ “เนติบริกร”ก็เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปมเงื่อนอยู่ที่คนซึ่งเสนอตัวเข้ามาไม่ว่าจะเป็น “เสี่ยแฮงค์” ไม่ว่าจะเป็น “เสี่ยงเฮ้ง” จะเอาไปแทนที่ใครจึงจะยังรักษาภาพลักษณ์และความสง่างามเอาไว้ได้
นี่คือความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่าง “นักเลือกตั้ง” กับ “เทคโนแครต”ซึ่งล่มหัวจมท้ายมาตั้งแต่ “รัฐประหาร”
การยินยอมประเคนมอบกระทรวงสำคัญๆ ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ให้กับพรรคภูมิใจไทย ให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา ก็เป็นการลดข้อหนักหนาสาหัสอย่างยิ่งแล้ว
แล้วนี่ยังถูกรุกอย่างต่อเนื่องมาจากนักการเมืองอย่าง “เสี่ยแฮงก์” อย่าง “เสี่ยเฮ้ง”
จะปฏิเสธก็กลัวปัญหาปั่นปั่วนภายในพรรคพลังประชารัฐ
จะเปิดรับอย่างชนิดอ้าซ่าก็ขัดกับมโนธรรมของ “คนดี”ที่ประสานเสียงยกย่องตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ปัญหานี้หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าไวรัส โควิด-19
ปัญหานี้หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าปรากฏการณ์จุดเทียน เปิดไฟ สมาร์ทโฟน ตะโกนขับ