หน้ากากการเมือง

คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

หน้ากากการเมือง – ข้อพิพาทปมโควิด-19 ซึ่งลามสู่การเมือง มาจากกรณีมีเพจในเฟซบุ๊กรายงานการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น โดยบุคคลที่อ้างว่ามีหน้ากากอนามัยอยู่ในความครอบครองหลายล้านชิ้นและส่งออกไปขายที่ประเทศจีน

กรณีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนอย่างกว้างขวาง เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่สินค้าควบคุมชนิดนี้ขาดแคลน แม้แต่บุคลากรทางการแพทย์ก็ เดือดร้อน

การเปิดโปงเรื่องหน้ากากอนามัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาลโดยเพจดังกล่าว ถูกลากสู่ประเด็นการเมืองด้วยข้อกล่าวหาว่าเพจดังกล่าวมีเบื้องหลัง

กระทั่งต่อมาถูกสมาชิกพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเข้าร้องเรียนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้ตรวจสอบและเปิดเผยตัวตน

ด้วยเป้าหมายว่าต้องการแจ้งความดำเนินคดีเจ้าของเพจฐานนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

การกระทำของสมาชิกพรรคการเมืองดังกล่าว รวมถึงคำขู่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับเพจที่เปิดโปงเรื่องราว ถูกมองว่ากำลังแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด

หากเรื่องราวของการโพสต์ไม่มีมูล บุคคลในรัฐบาลหรือบุคคลในภาพหรือภาพวิดีโอสามารถชี้แจงและหักล้างข้อกล่าวหาได้ ย่อมทำให้เกิดความกระจ่างในสังคม

หรือหากถ้าการเปิดโปงนั้นเป็นจริง ถือว่าช่วยรัฐบาลแก้ปัญหาและป้องปรามการกักตุนหน้ากากอนามัยทั้งช่วงเวลานี้และโอกาสต่อๆ ไป

สําหรับเพจดังกล่าว การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องการกักตุนหน้ากากอนามัยครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนผู้อ่านผู้ชมตัดสินได้เองว่าจะติดตามรายงานต่อไปหรือไม่

ส่วนรัฐมนตรีที่ตกเป็นข่าวไปด้วยจะได้มีโอกาสชี้แจง ว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องด้วยอย่างไร อีกทั้งจะได้ระมัดระวังตัวต่อไปไม่ให้ถูกกลุ่มบุคคลหรือบุคคลอ้างไปใช้ประโยชน์

ดังนั้นจึงไม่ควรมีความพยายามใดๆ ที่จะสกัดกั้นหรือข่มขู่การทำงานของเพจหรือสื่ออื่นๆ ในการตรวจสอบเบาะแสประเด็นสำคัญของสังคม

การแทรกแซงสื่อไม่ควรกระทำโดยบุคคลที่มาจากประชาชนและอยู่ในระบบรัฐสภา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน