FootNote:70 กว่าปีของ‘ประชาธิปัตย์’ หนักหนาสาหัสยุค‘จุรินทร์’
74 ปีของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 6 เมษายน ดำเนินไปอย่างเงียบเหงาท่ามกลางคำถามมากมายจากภายในพรรค จากภายนอกพรรค
ภาพที่ปรากฏสอดรับกับบรรยากาศการจัด”ระยะห่าง”ในสถานการณ์แห่งการแพร่ระบาดของไวรัส
เป็นภาพที่โดดเดี่ยวยิ่งของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
สถานการณ์การขาดแคลน”หน้ากากอนามัย”กำลังเป็นโจทย์แหลมคม ท้าทายคำขวัญ”ประชาธิปไตยสุจริต”ของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นพิเศษ
ความหงุดหงิดจาก นายเทพไท เสนพงศ์ เข้าใจได้ ความหงุด หงิดจาก นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เข้าใจได้
เข้าใจว่านี่คือปัญหาอันหนักหนาสาหัสที่”ประชาธิปัตย์”พบ
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายเทพไท เสนพงศ์ คือ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อาจตั้งคำถามและเข้าไปให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร
แต่ นายเทพไท เสนพงศ์ ในฐานะที่เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสือร้องเรียน กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
เท่ากับชี้ให้เห็นว่าปัญหาอันเกี่ยวกับ”หน้ากากอนามัย”ได้เข้าสู่การตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะในกระบวนการของพรรคประชาธิปัตย์
ตรงนี้ต่างหากคือปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ ตรงนี้ต่างหากคือปัญหาของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ต้องยอมรับว่ารอยร้าวภายในพรรคประชาธิปัตย์สำแดงออกอย่าง ต่อเนื่องจากสถานการณ์หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 และจากสถานการณ์เลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562
เกิดความแตกแยกและเกิดการแยกตัวทางการเมืองไม่ว่าจะย้ายเข้าพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย
สภาพการณ์บ่งชี้ว่าปัญหานี้ยังดำรงอยู่ภายในอย่างเข้มข้น
พรรคประชาธิปัตย์ในความรับผิดชอบยุค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จึงเข้าสู่การท้าทายอันแหลมคมยิ่ง
อาจไม่ถึงกับล่มสลายแต่ก็เหน็ดเหนื่อยอย่างหนักหนาสาหัส