กรณีที่ นายวิทยา แก้วภราดัย ออกมาเปิดประเด็นในเรื่องการซื้อ ขายตำแหน่งในแวดวงตำรวจ

ถือได้ว่าเป็น”มวย”ใหญ่ เป็น”มวย”หลัก”

แม้ในวันนี้ นายวิทยา แก้วภราดัย จะมิได้อยู่ในสถานะอันเป็น 1 ใน”แม่น้ำ 5 สาย”แล้ว

ก็ต้องถือว่า “พลังแฝง”ยังดำรงอยู่

เพราะ นายวิทยา แก้วภราดัย คนนี้อยู่ในฐานะเป็นเหมือนตัวแทนของ “กปปส.”มาโดยตลอด

ไม่ว่า”สปช.” ไม่ว่า “สปท.”

นั่นหมายถึงได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างสูง ไม่ว่ามองจากคสช. ไม่ว่ามองจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

การสัประยุทธ์นี้จึงไม่ธรรมดา

ขณะเดียวกัน หากมองจากทางด้านของ “ตำรวจ” ต้องถือว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ก็ไม่ธรรมดา

สิ้น “เสียง” จาก นายวิทยา แก้วภราดัย

สำทับตามมาด้วย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร และ นายถาวร เสนเนียม

“คำสั่ง” ก็ออกมาจาก “ผบ.ตร.”

ย้าย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท พ้นจากตำแหน่งผบช.ภ.8 ให้มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.โดยพลัน

จากนั้น แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน

อำนาจอยู่ในมือ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (จชต.)

กำหนดเวลาภายใน 15 วัน

หากมองว่า การออกโรง”เปิดโปง”โดย นายวิทยา แก้วภราดัย คือกลยุทธ์อันดำเนินไปในแบบสงคราม”ตัวแทน”

กรณีของ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ก็เป็น”ตัวแทน”

ไม่ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ไม่ว่า นายวิทยา แก้วภราดัย ล้วนเล่นลูกในแบบ “แคนนอน”

คล้ายกับจะเป็น “การเอาคืน”

“เอาคืนเรื่องอะไร” เป็นคำถามจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา “เอาเงินคืนหรือ ไม่เกี่ยวข้องเลย”

ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน