ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งของกิจกรรมการจัดคณะรัฐมนตรีสัญจร และการประชุม ครม.นอกสถานที่ก็คือ การแสดงสัญลักษณ์ว่า ประเทศไทยมีพื้นที่อื่นที่มีความสำคัญนอกเหนือไปจากกรุงเทพฯ
อีกทั้งยังจำเป็นต้องส่งเสริมการกระจายอำนาจ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
ครม.สัญจรในสัปดาห์นี้ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นประตูทางเข้าภาคอีสานนั้น รัฐบาลระบุว่าต้องการอนาคตประเทศจะเป็นอย่างไร ศักยภาพของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอย่างไร มีจุดอ่อน และจุดแข็งอย่างไร
ที่สำคัญคือการไปรับฟังคนในพื้นที่ว่าต้องการอะไรบ้าง
การไปรับฟังความเห็นของประชาชนนั้นเป็นวัตถุประสงค์ที่สำคัญ จึงน่าสนใจว่ารัฐบาลจะสร้างกลไกของการรับฟังนี้อย่างไร
หลังจากตีกรอบการแสดงความคิดเห็นที่มีแนวโน้มไม่สอดคล้องกับรัฐ ด้วยความหวั่นเกรงว่า จะเป็นความขัดแย้งมาเป็นระยะเวลายาวนาน
อีกทั้งยังมาตรการคุ้มกันความปลอดภัยที่เข้มงวด ทั้งตำรวจและทหารที่ต่างจัดกำลังพลทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 1,000 นาย นอกเหนือไปจากการให้ข้าราชการท้องถิ่นคอยจัดแจงความเรียบร้อยของกลุ่มคนต่างๆ ในพื้นที่
อาจต่างกับบรรยากาศของการเข้าถึงประชาชนเพื่อรับฟังข้อมูลและปัญหาความเดือดร้อนที่ตรงไปตรงมาและเป็นธรรมชาติ
ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการประชุมครม.สัญจรสัปดาห์นี้ก็คือ ระหว่างที่คณะบุคคลในรัฐบาลและข้าราชการที่เกี่ยวข้องสัญจร ออกจากกรุงเทพฯ เพื่อไปพบประชาชนในต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็เตรียมพร้อมสังเกตการณ์ประชาชนจากพื้นที่ต่างๆ ที่จะเดินทาง เข้ามากรุงเทพฯ
เนื่องจากในวันที่ 25 สิงหาคม จะเป็นวันตัดสินคดีของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นำเสนอนโยบายและโครงการรับจำนำข้าว
จุดเชื่อมโยงของความเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งสองนี้จึงเป็นเรื่องของปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่มีสถานะทางการเมืองกับประชาชนในท้องถิ่น
การจับตากลุ่มคนที่ต้องการแสดงออกหรือแสดงความเห็นในช่วงเวลานี้ จึงย้ำถึงบรรยากาศที่เกร็งมาตลอดหลายปี