คํายืนยันจากรัฐบาลว่าจะเดินตามโรดแม็ปที่วางไว้ และหากทุกอย่างลงตัวจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 น่าจะทำให้ผู้ที่จับตาอยู่ทั้งภายในและภายนอกประเทศกลับมามีความมั่นใจได้บ้าง เพียงแต่ยังไม่ชัดเจนนัก
โดยเฉพาะคำว่าลงตัว ที่มีคำอธิบายคร่าวๆ ว่าหมายถึงกระบวนการด้านกฎหมายมีความพร้อม ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ และปรองดอง เป็นเรื่องที่กินความหมายกว้างและหาจุดเห็นพ้องกันได้ยาก
คล้ายกับคำว่าประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เป็น คำที่จำกัดความได้ยาก เนื่องจากประชาธิปไตยเป็นกระบวนการที่ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและ ไม่หยุดยั้ง
จึงไม่อาจจะหาความสมบูรณ์แบบได้
ปัจจัยที่นำไปสู่การเลือกตั้งก็เช่นเดียวกัน มีตัวอย่างในประวัติศาสตร์ทั้งการเมืองไทยและต่างประเทศ ว่ามิใช่การจัดเตรียมให้ทุกอย่างเพียบพร้อม ปราศจากความขัดแย้ง
การเลือกตั้งเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยบรรเทาความขัดแย้ง ด้วยการเคารพกติกาเสียงข้างมาก เพื่อให้เกิดการตั้งต้นการบริหารด้วยคณะบุคคลที่มาจากประชาชนไม่ว่าจะเป็นชุดใหม่หรือชุดเก่าก็ตาม
เมื่อผ่านพ้นเวลาไปพักหนึ่ง หากเกิดความ ขัดแย้งใหม่ หรือไม่อาจแก้ไขข้อขัดแย้งเดิมได้ ก็จะต้องมีการเลือกตั้งอีกด้วยความคาดหวังว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเสียงข้างน้อยครั้งก่อนอาจเป็นเสียงข้างมากในครั้งใหม่
กระบวนการต่างๆ นี้ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดการปรองดองอย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ หรือเมียนมา หรืออีกมากมายหลายประเทศ ต่างผ่านการจัดการเลือกตั้งในช่วงเวลาที่คนในสังคมไม่ได้เห็นพ้องกันทั้งหมด
ตรงกันข้าม หลายประเทศมีการเลือกตั้งในช่วงเวลาที่ขัดแย้งสูง และแม้ผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ความขัดแย้งนั้นก็ยังคงอยู่
แต่สิ่งที่ขับเคลื่อนและต้องพัฒนาต่อไปคือการเรียนรู้ที่จะประคับประคองให้สังคมเดินหน้าไปร่วมกันได้ ฝ่ายค้านมุ่งนำเสนอข้อมูลและนโยบายต่างๆ ให้ผู้คนเห็นว่าดีกว่าฝ่ายรัฐบาลเพื่อจะได้รับโอกาสในวันข้างหน้า
การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตัดสินใจนี้เองคือความลงตัวของประชาธิปไตย