คาดการณ์กันว่าการเมืองช่วงสัปดาห์หน้าจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น

จากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาตัดสินคดีจำนำข้าวอีกครั้งวันที่ 27 กันยายน

หลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จำเลยในคดี ไม่เดินทาง มาฟังคำตัดสินวันที่ 25 สิงหาคม และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่บัดนั้น

มีข่าวแพร่สะพัดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกนอกประเทศ แต่ก็เป็นเพียงรายงานข่าว

ผ่านไปเกือบ 1 เดือน จนถึงตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงใด ออกมายืนยันว่าเป็นจริง ตามนั้นหรือไม่ เนื่องจากไม่มีพยาน หลักฐานชัดเจน

ล่าสุดถึงแม้ทีมตำรวจชุดสืบสวนแกะรอย นำโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. จะนำตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ประกอบด้วย “พ.ต.อ.” ระดับรองผู้การ 1 นาย “พ.ต.ท.” สารวัตร 1 นาย และ “ด.ต.” 1 นาย มาสอบปากคำ

พร้อมรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพฯ ซึ่งระบุว่าเป็นพาหนะที่ใช้ขับพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ กับเลขาฯ ส่วนตัวอีก 1 คน ไปส่งขึ้นรถคันอื่นที่มารับช่วงต่ออีกทอด จากนั้นก็ไม่รู้ว่าไปไหน มีแค่การคาดเดากันว่าน่าจะออกทางด่านแถวอรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ส่วนที่ว่ากล้องวงจรปิดจับภาพได้ ก็เห็นเพียงแต่รถ ไม่เห็นคน สรุปก็คือไม่มีใครเห็นกับตาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วจริงๆ

มีการตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องที่มี “พ.ต.อ.” ระดับรองผู้การเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงในการพาน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี เคยปรากฏเป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้วก่อนหน้านี้ราว 2 สัปดาห์ จากนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ

กลับมาเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในช่วงจังหวะเวลาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เพิ่งเดินทางกลับจากการเยือนลอนดอน ประเทศอังกฤษไม่นาน

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์แบบ “มโน” กันไปจากฝ่ายต้าน “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ว่า การเดินทางไปเยือนลอนดอนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นอกจากจะไปปฏิบัติภารกิจอย่างเป็นทางการ

ยังมีการจัดโปรแกรม “นอกรอบ” ไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งอยู่ที่ลอนดอนในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีรูปถ่ายในไอจีของเอม- พินทองทา ชินวัตร เป็นหลักฐานยืนยัน

ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึงจะไม่อยู่ในรูปด้วยก็จริง

แต่ช่วงที่หายตัวไปใหม่ๆ ก็มีกระแสข่าวว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์เตรียมขอลี้ภัยที่อังกฤษเช่นกัน

เมื่อทั้ง “เวลา” และ “สถานที่” ลงล็อก เลยยิ่งทำให้เกิดการ “มโน” เป็นสองเท่าว่าพล.อ.ประวิตรไปลอนดอนคราวนี้อาจมีการลับ-ลวง-พรางแอบไปพบปะเจรจา “ข้อตกลงลับ”บางอย่างกับสองพี่น้อง “ชินวัตร” หรือไม่

ยิ่งเชื่อมโยงเข้ากับเสียงลือหนาหูว่าฝ่ายความมั่นคง ทหาร-ตำรวจ ภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ. ประวิตร ในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง

อาจเข้าไปมีส่วนร่วมรู้เห็นกับการเปิดทางให้น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีตั้งแต่แรก จุดประสงค์เพื่อ ลดดีกรีความร้อนแรงทางการเมืองจากคดีจำนำข้าว อันเป็นผลดีต่อรัฐบาลและคสช.

ก็ยิ่งทำให้ “พี่ใหญ่” คสช.ตกเป็นเป้าหวาดระแวง

ถึงพล.อ.ประวิตรจะออกมาปฏิเสธด้วยตัวเองอย่างน้อย 2 ครั้ง ว่าการไปเยือนอังกฤษ ไม่มีการ แอบไปพบปะกับนายทักษิณ เพื่อเจรจา “ดีลลับ” แต่อย่างใด เพราะช่วงเวลาอยู่ที่ลอนดอนไม่ตรงกัน

แต่สำหรับคนที่ไม่เชื่อ ไม่ว่าชี้แจงด้วยเหตุผลอย่างไรก็ไม่เชื่ออยู่ดี

จึงต้องตามดูกันต่อไปว่า ความเอาจริงเอาจังของพล.ต.อ.ศรีวราห์ ในการติดตามแกะรอยน.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทั่งได้ตัว 3 ตำรวจพยานปากเอกมาสอบสวน จนได้ข้อมูลเส้นทางการหลบหนีมาบางส่วน

จะช่วยให้พล.อ.ประวิตร พ้นจากข้อครหา “ดีลลับ” ไปได้มากน้อยแค่ไหน

พล.อ.ประวิตรประเมินว่า ถึงยังไม่รู้แน่ชัดว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ที่ไหน แต่เชื่อว่าวันที่ 27 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำตัดสินคดีจำนำข้าว

น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่มาปรากฏตัวแน่นอน

หลายคนประเมินคำตัดสินคดีจำนำข้าว ในวันที่ 27 กันยายน ไม่ว่าผลออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายต้องยอมรับและเคารพคำตัดสินนั้นๆ ไม่ควรเอามาเป็นเหตุสร้างเงื่อนไขก่อความวุ่นวายใดทั้งสิ้น

ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าเมื่อผ่านวันที่ 27 กันยายน ไปแล้ว การเมืองไทยจะเกิดความชัดเจนมากขึ้นในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องโรดแม็ปเลือกตั้ง ที่จะมีส่วนผูกพันถึงอนาคตของประเทศชาติ คสช. และพรรคการเมือง

นับจากวันที่ 25 สิงหาคม เป็นต้นมา หลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์หายตัวไป อีกฟากฝั่งทางการเมืองได้ปรากฏความเคลื่อนไหวน่าจับตาในหลายเรื่อง

ไม่ว่าโรดแม็ปเลือกตั้ง ซึ่งแกนนำคสช.และเครือข่ายแม่น้ำ 4 สาย ไม่ยืนยันว่าจะยังเป็นไปตามกำหนดเดิมในปี 2561 หรือไม่ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับในหมวดเลือกตั้ง ว่าจะยกร่างเสร็จและประกาศใช้เมื่อใด

ไม่ว่าโมเดล 2 พรรคใหญ่จับมือกับทหาร ตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” เสนอโดย นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับทั้ง “ดอกไม้” และ “ก้อนอิฐ” ส่วนใหญ่มองว่าเป็นไปได้ยาก และยังคลุมเครืออยู่มาก

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้นำม็อบกปปส. ประกาศพร้อมสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป หลังเลือกตั้งครั้งหน้า และไม่ปิดโอกาส ตัวเองในการจัดตั้งพรรคการเมือง แยกจากพรรคประชาธิปัตย์

การลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจรพระนครศรีอยุธยา-สุพรรณบุรี พล.อ. ประยุทธ์ไม่เพียงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งยังแสดงอาการทอดไมตรีไปยังพรรคชาติไทยพัฒนาอีกด้วย ไม่รวมถึงพรรคภูมิใจไทยและชาติพัฒนาที่แบะท่ารออยู่แล้ว

รัฐบาลใหม่เริ่มเผยโฉม

ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังประสบปัญหาใหญ่ ทั้งกรณีพรรคใหม่ของนายสุเทพที่จะมาแย่งฐานเสียง

และคดีสลายม็อบ 99 ศพปี 2553 ที่ฝ่ายญาติคนตายยื่นเรื่องถึงอัยการสูงสุดและป.ป.ช. ให้ไต่สวนรื้อฟื้นคดีขึ้นใหม่ ตามแนวทางที่ศาลฎีกาให้ไว้

ด้านพรรคเพื่อไทย แทบไม่ต้องพูดถึง เมื่อขาดน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็เหมือน “มังกรไร้หัว”

ตระกูล “ชินวัตร” มีแนวโน้มถูกกวาดล้างหนัก ล่าสุดเป็นคิว “โอ๊ค-พานทองแท้” คดีแบงก์กรุงไทยปล่อยกู้ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เรื่องสองมาตรฐาน

การที่โพลสถาบันพระปกเกล้าระบุ “ทักษิณ” เป็นผู้นำที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนมากที่สุดในรอบ 15 ปี

รวมถึงผลสำรวจ “อีสานโพล” มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่าชาวอีสานส่วนใหญ่ยังคงให้การสนับสนุนผู้นำจากพรรคเพื่อไทย ทำให้ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่

เชื่อว่าหลังผ่านวันที่ 27 กันยายนไปแล้ว ทุกอย่างจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน