ในสถานการณ์”อุทกภัย น้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งจากอิทธิ พลของพายุดีเปรสชั่นและการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา”
ตามนิยามกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)
จากวันที่ 10 มาจนถึงวันที่ 25 ตุลาคมในจำนวน 21 จังหวัดอาจมี 3 จังหวัดคือกำแพงเพชร เลย เพชรบูรณ์ ที่คลี่คลาย
แต่ก็ยังเหลืออีก 19 จังหวัดที่ยังไม่รอดพ้น
นั่นก็คือ 1 เชียงใหม่ 2 ตาก 3 สุโขทัย 4 พิจิตร 5 นครสวรรค์ 6 อุทั้ยธานี 7 สิงห์บุรี 8 ลพบุรี 9 อ่างทอง 10 พระนครศรีอยุธยา 11 ปทุมธานี 12 ชัยนาท 13 สุพรรณบุรี
14 หนองบัวลำภู 15 ขอนแก่น 16 มหาสารคาม 17 กาฬสินธิ์ 18 ร้อยเอ็ด 19 มหาสารคาม
แต่มีอีก 1 ที่เหมือนกล่องดวงใจ คือ “กทม.”
น้ำจากหนองบัวลำภูและมหาสารคามอาจอยู่ห่างไกล สัมพันธ์กับแม่น้ำมูล แม่น้ำชี แม่น้ำโขง
แต่น้ำจาก”เหนือ”ล้วนสัมพันธ์กับ”กทม.”
เพราะว่าน้ำจาก”เหนือ”ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ตาก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์
1 มาอยู่ที่เหนือเขือนเจ้าพระยา ชัยนาท
1 มาอยู่ที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลพบุรี
และเมื่อเกิน”ความจุ”ของเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก็ย่อมต้องระบายออก
ด่าน 1 ซึ่งสำคัญก็เป็น “ภาคกลาง”
ไม่ว่าจะเป็นอุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี อ่างทอง ล้วนรับไป
จากนั้นก็เข้ามายัง นนทบุรี กทม.
เมื่อ 2 วันก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งมาออกปากขอบคุณชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ “แก้มลิง”
อย่างที่เรียกว่า 12 ทุ่งตอนเหนือของกทม.
กรมชลประทานบอกว่า 12 ทุ่งนี้มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 1,361 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ตอนนี้ ทำท่าว่าจะล้นเกิน
ไม่ว่าจะเป็นแก้มลิงฝั่งตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นแก้มลิงฝั่งตะวันตก
สถานีสุดท้ายจากการล้นเกินจึงเป็น”กทม.”