บทบรรณาธิการ

การปรับคณะรัฐมนตรีรอบใหม่ครั้งนี้เป็นที่จับตาและคาดหมายว่าจะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโดยเฉพาะ

แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจากตัวเลขด้านต่างๆ ของรัฐบาลล้วนอยู่ในโซนบวก เช่น จีดีพีปีนี้น่าจะโตถึงร้อยละ 3.9 อีกทั้งยังมีอันดับดีขึ้นในการจัดอันดับของสถาบันด้านเศรษฐกิจนานาชาติ

เช่น ธนาคารโลกจัดไทยอยู่ติดท็อปเท็นประเทศพัฒนาก้าวกระโดดของโลก ความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ จากเดิมอยู่ที่ 46 ขึ้นมาถึงอันดับ 26

ส่วนของสภาเศรษฐกิจโลก การจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขัน ไทยขยับขึ้นมาเช่นกัน จากอันดับที่ 34 ในปีก่อน มาอยู่ที่อันดับที่ 32 ใน 137 ประเทศและเขตเศรษฐกิจทั่วโลก

แต่การรับรู้และสัมผัสเศรษฐกิจด้านบวกนี้ของประชาชนกลับยังไม่ชัด

ทีมงานศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่า กว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เต็มที่และคนรับรู้ว่าเศรษฐกิจฟื้น อาจจะลากยาวไปถึงในช่วงปลายไตรมาส 2 ปีหน้า

การสำรวจและสอบถามนักธุรกิจในภูมิภาคและจังหวัดต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ในด้านความเชื่อมั่นของประชาชน และนักธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มต่างจังหวัดและเอสเอ็มอี ยังไม่อยู่ในระดับปกติและมองอนาคตยังไม่สดใสนัก

ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรยังไม่เพิ่มขึ้นโดดเด่น ส่งผลให้กำลังซื้อของเกษตรกรไม่ฟื้นตัว

กำลังซื้อของเกษตรกรที่ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรทรงตัวระดับต่ำ จึงทำให้ยังไม่รับรู้ถึงการฟื้นตัว

ปัจจัยหลักที่จะทำให้ประชาชนตื่นตัวถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจคือการเลือกตั้งในปีหน้า

สังเกตได้จากตัวเลขซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้น เมื่อมีการยืนยันว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริง

เป็นปฏิกิริยาหนึ่งที่สะท้อนมาจากภาคธุรกิจและประชาชน

ชัดเจนยิ่งกว่าการประกาศโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือโครงการจัดสรรแก่ผู้มีรายได้น้อย

รวมถึงอาจชัดยิ่งกว่าการปรับคณะรัฐมนตรี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน