ไม่ว่าท่าทีของ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือนตุลาคม ไม่ว่าท่าทีคณะมนตรีสหภาพยุโรป ในเดือนธันวาคม

ตรงกัน

นั่นก็คือ แบะท่าและสำแดงความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมที่จะสานความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทยให้ก้าวรุดหน้าไป

สหรัฐจึงเปิด”ทำเนียบขาว”ต้อนรับ

คณะมนตรีสหภาพยุโรปจึงได้มีแถลงการณ์ยาวเหยียด 14 ข้อ ภายหลังการประชุม

เพียงแต่ยังมี”ติ่ง”อันเป็น”เงื่อนไข”บ้าง

น่าสังเกตว่า ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป มีเงื่อนไขตรงกัน

นั่นก็คือ “การเลือกตั้ง”

ท่าทีอันมาจากสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนตุลาคม ท่าทีอันมาจากสหภาพยุโรปในเดือนธันวาคม

สัมพันธ์และยึดโยง

เด่นชัดอย่างยิ่งว่า ไม่ว่าสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าสหภาพยุโรปโดยพื้นฐานแล้วต้องการความสัมพันธ์ปกติ

เหมือนกับที่เคยเป็นก่อนเดือนพฤษภาคม 2557

ความจริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยสนองตอบต่อความต้องการของสหรัฐอเมริกามาแล้ว

เห็นได้จากที่ปรากฏใน”การแถลงข่าวร่วม”

เห็นได้จากที่เมื่อกลับถึงประเทศไทยก็ได้แถลงย้ำยืนยันอีกครั้งกระทั่งกำหนดเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นหมุดหมาย

แล้วจะยากอะไรที่จะ”แถลง”ขานรับต่อ “EU”

มุมมองต่อ”เงื่อนไข”อันมาจากสหรัฐอเมริกา และล่าสุดจากสหภาพยุโรป

เป็นเงื่อนไขจาก “มหาอำนาจ”ของ”โลก”

คสช.เคยมีบทเรียนมาแล้วจาก “ปฏิญญา โตเกียว”ต่อหน้า ชินโสะ อาเบะ และเคยมีบทเรียนมาแล้วจาก “ปฏิญญา นิวยอร์ค” ต่อหน้าผู้นำทั่วโลกในที่ประชุมสหประชาชาติ

จะยากอะไรที่จะขานรับต่อ “ปฏิญญา ทำเนียบขาว” และต่อ

“ปฏิญญา สหภาพยุโรป” เพราะเราก็ยืนยันจะเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่แล้วมิใช่หรือ

ชายชาติทหารย่อมไม่พรึงพรั่นอยู่แล้วที่จะ”ประกาศ”อีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน