จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าบุกจับกุมคณะล่าสัตว์จากบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ด้านการก่อสร้าง นอกเหนือจากการรณรงค์ต่อต้านการล่าสัตว์ป่าที่เป็นกระแสโหมขึ้นมาแล้ว การทำคดีของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมก็ถูกจับตาอย่างเข้มข้นด้วย

เพราะประเด็นเปรียบเทียบคนรวย-คนจนที่ไม่เกี่ยวกับกรณีทางการเมืองนั้นเป็นความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นการจัดการกับคดีอย่างตรงไปตรงมาและเท่าเทียมจึงเป็นที่คาดหมายของประชาชน เหมือนกับการปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง

โดยเฉพาะเมื่อยืนกรานว่าทำตามหน้าที่รับผิดชอบ ตรงไปตรงมา โดยชอบธรรม

ขณะเดียวกันกระแสสังคมที่อาจลามเป็นข้อสังเกตต่อบริษัทผู้ประมูลงานก่อสร้างในเขตอุทยานไปด้วยนั้น เป็นเรื่องที่บริษัทต้องชี้แจงกับประชาชนและประเมินกระแสว่าจะได้รับความเชื่อถือต่อไปหรือไม่

จะมีการรับประกันในอนาคตว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกหรือไม่

โดยรัฐบาลเองต้องพิจารณากรณีนี้อย่างรอบคอบและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากบริษัทไม่ได้หนีงานประมูลหรือทิ้งการก่อสร้างเหมือนการละเมิดข้อสัญญาทั่วไป แต่เป็นประเด็นละเอียดอ่อนทางสังคม

ว่าจะทำให้คนในสังคมเชื่อมั่นได้อย่างไร เนื่องจากโครงการดังกล่าวนี้รัฐบาลเป็นผู้ว่าจ้างด้วยเป้าหมายเพื่อจะปกป้องชีวิตสัตว์ป่า แต่กลับเกิดเหตุการณ์เชื่อมโยงในทางตรงกันข้าม

ความเกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่รัฐกับบุคคลจากบริษัทธุรกิจใหญ่ที่สามารถเข้าไปถึงพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่เป็นอีกประเด็นที่ต้องทำให้เกิดความกระจ่าง

แม้พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เข้ามาศึกษาธรรมชาติ มีแนวทางและหลักปฏิบัติต่อผู้เข้าไปเยือนในระดับต่างๆ เช่น การถ่ายทำภาพยนตร์ การติดตามสังเกตพฤติกรรมสัตว์ป่า การวิจัยต่างๆ

แต่การที่คณะบุคคลนำอาวุธสำหรับการล่าสัตว์เข้าไปด้วยได้แสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ในการปฏิบัติงาน และน่าจะต้องมีมาตรการตรวจสอบต่อไปในอนาคต

เพื่อหลีกเลี่ยงการครหาเรื่องการปฏิบัติต่ออภิสิทธิ์ชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน