แม้จะดำรงความเป็น”ข้าราชการ”ตลอด 28 ปีมาด้วยความอบอุ่น เป็นสุข แต่การอำลาจากไปในเดือนเมษายน 2561 ของ นายสมชัย สัจจพงษ์ ก็ไม่อบอุ่น เป็นมิตรเท่าใดนัก
ทั้งๆที่เคยเป็นทีมงานมาอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง
จากยุคของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ต่อเนื่องมาแล้วก็ปิด
จ๊อบในยุคของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ยิ่งฟังจาก “น้ำเสียง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ยิ่งตระหนักในการตัดสินใจเลือกพาครอบครัวเดินทางไปยังประเทศไอซ์แลนด์ ของ นายสมชัย สัจจพงษ์ ได้ว่าเหมือนกับจะมีเค้าลางบอกเหตุ
สรุปตามสำนวนของ”บ้าน-บ้าน” เท่ากับเป็นการจากกันอย่างไม่เป็นมิตรเท่าใดนัก

“น้ำเสียง”ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อการยื่นใบลาออกของ นายสมชัย สัจจพงษ์ สะท้อน “ภูมิหลัง”ทางความคิดได้อย่างแจ่มชัด รับรู้อย่างเป็นรูปธรรม
1 เป็นฐานความคิดที่คร่ำหวอดอยู่ใน”ระบบราชการ”อย่างเต็มรูปแบบ
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งไม่ธรรมดาในเชิงเปรียบเทียบ
นั่นก็คือ เป็นระบบราชการอย่างที่มิใช่”พลเรือน”หรือ”ตำรวจ” ตรงกันข้าม เป็นระบบราชการในแบบ”ทหาร”
ขอให้สัมผัสในแต่ละถ้อยแต่ละคำ
1 เป็นข้าราชการไม่พอใจได้หรือ อย่างนี้เป็นข้าราชการไม่ได้ 1 มันมีระเบียบอยู่แล้ว มีระบบ ถ้าลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัวก็ลาออกไป
และโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย “ใครอยากออก ออกมาอีก”

ทุกคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สะท้อนให้เห็นว่าสายสัมพันธ์ของ นายสมชัย สัจจพงษ์ ต่อผู้บังคับบัญชาไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก
ไม่ว่าจะภายในกระทรวงการคลัง ไม่ว่าจะระหว่างกระทรวง การคลังกับทำเนียบรัฐบาล
แสดงว่าการย้าย นายสมชัย สัจจพงษ์ มิได้เป็นเรื่องบังเอิญ
หากแต่ดำเนินไปอย่างเป็นเอกภาพ ตั้งแต่กระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี จึงต้องเอาออกจากตำแหน่งเดิม
ถึงได้มีท่าทีแบบเสือกไส ไล่ส่งเช่นนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน