แบงก์รัฐขอไม่ใช้เกณฑ์คุมกู้บ้านหลังสอง – ด้านธนาคารพาณิชย์ชงข้อเสนอ 6 ด้าน ให้บังคับใช้บ้านหลัง 3 พร้อมขอเลื่อนเวลาบังคับใช้เกณฑ์

ไม่ขอใช้เกณฑ์คุมกู้บ้านหลัง2 – นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยภายหลังเข้ารับฟังความเห็น (Public Hearing) กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กรณีปรับปรุงเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ว่า ได้หารือนอกรอบกับผู้ช่วยผู้ว่าการธปท. ว่า เกณฑ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐได้ เพราะจะกระทบกับผู้ที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางที่ต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจริง ไม่ได้เป็นการแสวงหาผลกำไร จึงต้องการให้ ธปท. พิจารณาปรับหลักเกณฑ์การคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้มีความเหมาะสม

“ต้องการให้ธปท. กำหนดนิยามเกณฑ์คุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะบ้านหลังที่สอง ซึ่งปัจจุบันมีความจำเป็น โดยเฉพาะลูกค้า ธอส. ที่ขอสินเชื่อไป ก็เพื่อใช้อยู่จริง ไม่ได้ใช้เก็งกำไร หรือนำไปขายต่อ หากนำเกณฑ์ไปปฏิบัติ ก็จะกระทบกับลูกค้าของธอส. ซึ่งปัจจุบันมีการให้สินเชื่อบ้านหลังที่สองจำนวนมาก”

ทั้งนี้ เกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ จะคุมในส่วนที่ลูกค้าที่ต้องการกู้บ้านหลังที่สอง แต่ยังผ่อนหลังแรกไม่หมด ซึ่งปัจจุบัน ธอส. มีลูกค้าในลักษณะนี้มาก เช่นมีบ้านอยู่ไกล แต่ต้องการซื้อคอนโดฯ ในเมืองใกล้ที่ทำงาน จึงต้องการให้ ธปท. ผ่อนปรนเกณฑ์วางเงินดาวน์อย่างน้อย 20% ของมูลค่าหลักประกัน (LTV limit 80%) ให้คุมเฉพาะบ้านหลังที่ 2 ที่มีราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป รวมทั้งเลื่อนเวลาบังคับใช้เกณฑ์ดังกล่าวจากเดิมเริ่มวันที่ 1 ม.ค. 2562 ออกไปเพื่อให้ธนาคารปรับตัว ส่วนเกณฑ์การนับสินเชื่อ top-up ที่ใช้หลักประกันเดียวกันให้ใช้ตามเดิม

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธอส. จะขอความเห็นจากกระทรวงการคลังในการบังคับใช้เกณฑ์ดังกล่าวของ ธปท. หากคลังให้นโยบายดำเนินการอย่างไรก็จะปฏิบัติ ซึ่งจะมีการหารือผ่านผู้แทนกระทรวงในการประชุมคณะกรรมการธนาคาร วันที่ 29 ต.ค. 2561 โดยเกณฑ์ดังกล่าวมองว่าจะส่งผลกระทบมาก ผู้ที่มีรายได้น้อย ปานกลาง ที่มีความจำเป็นต้องมีบ้านหลังสอง แต่โดยเกณฑ์วางเงินดาวน์ 20% อาจจะต้องไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบ เพื่อมาปิดบ้านหลังแรก ทำให้หนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็จะมีการเร่งปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ทันโอนในปีนี้ด้วย

รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการรับฟังความคิดเห็นช่วงครึ่งเช้า ซึ่งเป็นการรับฟังความเห็นร่วมกับ ธนาคารพาณิชย์ และ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ได้มีการเสนอความเห็นต่อ ธปท. ถึงหลักเกณฑ์ดังกล่าว 6 เรื่อง คือ 1. ให้วางเงื่อนไขผ่อนปรนช่วงเปลี่ยนผ่าน สำหรับเกณฑ์การนับบ้านหลังสอง ซึ่งปัจจุบันมองว่าบ้านหลังที่สองมีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิต จึงต้องการเสนอให้ใช้เกณฑ์สำหรับบ้านหลังที่สามขึ้นไปได้หรือไม่กรณีลูกค้าซื้อก่อนออกประกาศและบ้านเสร็จพร้อมโอนหลังม.ค. 2562 จะต้องบังคับใช้เกณฑ์ย้อนหลังหรือไม่ และเสนอให้ ธปท. มีการชะลอการเริ่มใช้เกณฑ์ดังกล่าวออกไปเพื่อให้ธนาคารปรับตัว

สำหรับข้อเสนอที่ 2. ในกรณีที่เป็นการกู้ร่วมจะนับจำนวนสัญญาอย่างไร 3. แนวทางการกันสำรองตามเกณฑ์ใหม่ 4. เงื่อนไขรายละเอียดของราคากรณีรีไฟแนนซ์ จะมีการปรับวงเงิน หรือ ปรับเกณฑ์วางเงินดาวน์อย่างน้อย 20% ของมูลค่าหลักประกันหรือไม่ 5. ขอให้ยกเว้นการนับมูลค่าหลักประกัน กรณีซื้อประกันชีวิต และ 6. กรณีเอาบ้านไปขอ SME ต่อมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน