แอล.พี.เอ็น. โกยรายได้รวมปี’61 เติบโตสูง 20% หลังรีโมเดลธุรกิจ 2 ปี ส่วนปี’62 เน้นกระจายขารายได้ ฝ่าปัจจัยลบ เติบโตยั่งยืน

ปี’62 อสังหาฯถอดถอย – นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยผลดำเนินงานปี 2561 ว่า จากสภาวะถดถอยของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ LPN ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว บริษัทจึงมีการปรับโมเดลและวางแผนธุรกิจภายใต้แนวทาง Year of Shift และ Year of Change ในปี 2560-61 เพื่อรองรับสถานการณ์และสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นทั้งจากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, Recurring Income และธุรกิจบริการ ส่งผลให้ L.P.N. DEVELOPMENT GROUP เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายเดียวที่เน้นการทำธุรกิจอย่างครบวงจร โดยมีการเติบโตของรายได้ 20% จากกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ได้แก่

1. การขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังระดับบน ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักอาศัย โดยได้พัฒนาบ้านพรีเมียมเป็นครั้งแรกภายใต้แบรนด์ “BAAN 365” กับคอนเซ็ปต์ “Livable Simple Luxury” ซึ่งสามารถสร้างยอดขายในช่วง Presale ได้มากกว่า 50% จนได้รับการกล่าวขานเป็น Talk of the Town ในวงการอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับบน และขยายเซ็กเมนต์ไปยังกลุ่ม Gen Y ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ภายใต้ซับแบรนด์ “Lumpini Selected” ซึ่งได้ส่งมอบโครงการแรกที่เกษตร-งามวงศ์วานแล้วในปีที่ผ่านมา และต่อยอดไปยังย่านสุทธิสาร-สะพานควายที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของผู้หญิงรุ่นใหม่

2. การขยายธุรกิจไปยัง “Office Condo” พร้อมบริการวางระบบ Office Smart ที่เอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ นำร่องด้วย อาคาร “ลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี” อาคาร A ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้สนใจหลายรายที่ต้องการซื้อยกตึก โดยในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา

3. การสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการบริหารโครงการของบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด และรายได้จากการปล่อยเช่า รวมถึงการนำห้องชุดในโครงการ “ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1” อาคาร F มาปรับเปลี่ยนจากการขายมาเป็นการเช่า โดยได้ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้เช่า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีเสมือนการพักอาศัยในคอนโดมิเนียม

สำหรับปี 2562 นี้ ภาพของสภาวะถดถอยยิ่งปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้น LPN จึงได้เตรียมแผนรองรับปัจจัยลบต่างๆ ไว้เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนโดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10% ด้วยการเปิดตัวโครงการให้ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Value และ Standard เพื่อกระจายความเสี่ยง ในขณะเดียวกันก็ระมัดระวังในการเลือกทำเลเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพตามกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความสำเร็จของโครงการ โดยข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจทั้งหมดสนับสนุนโดย LPN Wisdom หน่วยงานที่ทำหน้าที่วิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกในการพัฒนาโครงการและการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังมีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง เนื่องจากสินค้าพร้อมอยู่ทั้งหมดของ LPN มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เป็นสินค้าที่ไม่มีภาระทางด้านการเงิน นอกจากนั้น บริษัทได้รับการจัดอันดับจาก TRIS Rating ในระดับ A- (Stable) ที่แสดงถึงความมั่นคงและน่าเชื่อถือทางการเงินซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการระดมทุนหากบริษัทมีการออกหุ้นกู้ในอนาคต

นายโอภาสกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากภาพรวมแนวทางของการดำเนินธุรกิจข้างต้นแล้ว ในปีนี้ บริษัทยังมีแนวทางในการจัดการ Zero Waste ในกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กร ทั้ง Supply Chain เบื้องต้นนำร่องด้วยการเริ่มลดใช้ขวดและพลาสติกในสำนักงานขาย ซึ่งตั้งเป้าลดให้ได้มากกว่าปีละ 500,000 ชิ้น และจะดำเนินการต่อยอดไปในโครงการ “ลุมพินี” ที่บริษัทบริหารชุมชนอยู่ รวมถึงกิจกรรมบริจาคโลหิตที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี โดยในปี 2562 นี้ ตั้งเป้าหมายรับบริจาคให้ได้ 1,300,000 C.C.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน