นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 แม้ว่าปัจจุบันภาพรวมเศรษฐกิจยังคงทรงตัว แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมาก และยังมองว่ายอดขายจะสามารถเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของบริษัท ซึ่งในปีนี้ได้เริ่มขยายโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมมากขึ้น ประกอบกับในช่วง 1-2 เดือนแรกของปีนี้ แม้ว่าตลาดจะมีความกังวลเรื่อง เกณฑ์แอลทีวีใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ไม่ได้ทำให้ลูกค้าของบริษัทชะลอการตัดสินใจซื้อนานขึ้นแต่อย่างใด โดยที่อัตราการขายบ้านและคอนโดมิเนียมของบริษัทยังมีอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยที่เดือนละ 40-50 ล้านบาท ทำให้มั่นใจตลาดยังมีความต้องการ

ขณะเดียวกันแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ เตรียมเปิดตัว 12 โครงการ มูลค่ารวม 14,421 ล้านบาท โดย 10 โครงการ มูลค่ารวม 10,651 ล้านบาท จะเป็นโครงการที่บริษัทลงทุนเอง ประกอบด้วยโครงการบ้านแนวราบ 7 โครงการ ได้แก่ ชีวาโฮม สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ มูลค่า 890 ล้านบาท เปิดขายไตรมาส 1 ชีวาวัลย์ ปิ่นเกล่า-สาทร มูลค่า 1,200 ล้านบาท เปิดขายไตรมาส 2 ชีวารมย์ นครอินทร์ มูลค่า 1,593 ล้านบาท เปิดขายในไตรมาส 4 และอีก 2 โครงการอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการทาวน์โฮม มูลค่าโครงการละ 700 ล้านบาท โดยเบื้องต้นจะมีโครงการในต่างจังหวัดอย่างน้อย 1 โครงการ เพราะมองว่าต่างจังหวัดยังมีความต้องการซื้อบ้านอยู่พอสมควร ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามียอดขายบ้านต่อเดือนประมาณ 8-15 ยูนิตต่อเดือน ซึ่งยังดีกว่าบางทำเลในกรุงเทพฯ ทั้งยังถือเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทด้วย เนื่องจากบริษัทจะหานักลงทุนท้องถิ่นเพื่อร่วมทุนพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดร่วมกัน

ขณะเดียวกันอีก 3 โครงการที่เหลือจะเป็นคอนโดมิเนียม ประกอบด้วยโครงการชีวาทัยเกษตร-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท และโครงการฮอลล์มาร์ค โชคชัย 4 มูลค่า 2,011 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะเปิดขายในไตรมาส 2 นี้ ส่วนอีก 1 โครงกาจะเปิดการขายในไตรมาส 3 ภายใต้โครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 1,587 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ที่ 2,880 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนคอนโดมิเนียม 1,664 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58% และการโอนโครงการแนวราบ 1,216 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 42% ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ อยู่ที่ 585 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมมูลค่า 406 ล้านบาท ส่วนบ้านและทาวน์โฮมอยู่ที่ 179 ล้านบาท โดยมีกำหนดรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด

ที่สำคัญในปีนี้บริษัทจะนำคอนโดมิเนียมไปทำตลาดในต่างประเทศ เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการโอน 2,600 ล้านบาท โดย 250 ล้านบาท เป็นของลูกค้าต่างชาติ หรือคิดเป็นประมาณ 10% ส่วนในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าลูกค้าต่างชาติเพิ่มเป็น 15% ของยอดโอนคอนโดมิเนียม นำโดยไต้หวัน ฮ่องกง และจีน ซึ่งยังมีความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย เนื่องจากล่าสุดได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเอเจ้น จากกวางโจว ประเทศจีน โดยให้ข้อมูลงว่าปัจจุบันการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในต่างประเทศ กลายเป็นค่านิยมใหม่ของคนชนชั้นกลางในประเทศจีนไปแล้ว ซึ่งจะมีการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศเนื่องจากมองว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้จะนิยมซื้อในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนนาดา อเมริกา และอังกฤษ หลังจากนั้นเริ่มขยับมาซื้อในประเทศไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน