นางโสภิดา โองาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันเคียว โฮม (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะภรรยาผู้ก่อตั้ง บริษัท ซันเคียว โฮม ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแถบคันไซ ประเทศญี่ปุ่น และได้ใช้ชีวิตในญี่ปุ่นมาเกือบ 30 ปี ทำให้เห็นมาตรฐานการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบญี่ปุ่น จึงเห็นโอกาสการลงทุนในไทย และเมื่อปี 2559 ได้เริ่มพัฒนาโครงการโมนีค สุขุมวิท 64 คอนโดมิเนียม 8 ชั้น มูลค่าโครงการ 954 ล้านบาท เป็นโครงการและปัจจุบันปิดการขายและรับรู้รายได้แล้ว 100% หลังจากนั้นในปี 2561 ได้เริ่มพัฒนาโครงการที่ 2 ภายใต้โครงการเดอะฟายน์ แบงค็อค ทองหล่อ-เอกมัย คอนโดมิเนีม มูลค่าโครงการ 1,680 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 80% โดยโครงการนี้เป็นการร่วมทุนเป็นครั้งแรกกับ บริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าสายเคฮังที่เชื่อมเมืองโอซาก้า-เกียวโต ทั้งยังมีอีกหลายธุรกิจในแถบคันไซ

โดยล่าสุดยังคงร่วมทุนกันเปิดตัวอีกโครงการภายใต้ ซิมมิส สุขุมวิท 61 บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ เป็นคอนโดมิเนียม 7 ชั้น ประกอบด้วยห้องชุดพักอาศัยแบบ 1 และ 2 ห้องนอน ขนาด 33-88 ตร.ม. รวม 109 ยูนิต โดยออกแบบให้มีชั้นใต้ดิน 3 ชั้น พร้อมที่จอดรถอัตโนมัติรวม 120 ช่องจอด ราคาขายต่อตร.ม. 220,000-240,000 บาท หรือราคาต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 7.5-24 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท โดยมี บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาโครงการ พร้อมบริหารการตลาดและการขาย โดยจะเริ่มเปิดขายในวันที่ 3-4 ส.ค.นี้ ที่สำนักงานขายบริเวณตรงข้ามซอยทองหล่อ 23 ทั้งนี้นโยบายการลงทุนของบริษัทจะเปิดการขายเมื่อได้รับการอนุมัติรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เรียบร้อยแล้ว และจะพัฒนาปีละ 1 โครงการ ส่วนนโยบายการร่วมทุนจะพิจารณาเป็นแต่ละโครงการไป

ด้านนายโยชิฮิโกะ มาเอดะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่านอกจากนี้บริษัทจะมีธุรกิจเดินรถไฟฟ้าสายโอซาก้า-เกียวโตแล้ว ยังมีธุรกิจขนส่ง โรงแรม ศูนย์การค้า และมีการพัฒนาคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ในโตเกียว ฮอกไกโด และฟุกูโอกะ มากกว่า 100 ปีแล้ว โดยในปี 2561 มีรายได้ 3.26 แสนล้านเยน หรือราว 9.3 หมื่นล้านบาท และมีแนวคิดที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศและเติบโตในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ที่ผ่านมาได้ขยายการลงทุนโครงการกอล์ฟวิลล่า ในประเทศอินโดนีเซีย ก่อนที่จะมาร่วมทุนกับกลุ่มซันเคียวในไทย โดยงบลงทุนรวมแล้วกว่า 3,300 ล้านเยน หรือราว 942 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายมูลค่าสินทรัพย์ในต่างประเทศ ภายในปี 2570 ที่ 50,000 ล้านเยน ประมาณ 14,232 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่โดดเด่น และมีการลงทุนสะสมจากบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมหาศาล ส่วนแผนการลงทุนจากนี้จะพิจารณาเป็นแต่ละโครงการไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน