นายเนี่ย ซงเชียน ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการขายและการตลาด ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2563 นี้ ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจในระดับโลกจากสงครามการค้า เงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ซ้ำเติมให้เศรฐกิจยิ่งซบเซา แต่ ริสแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่แม้ว่าถือหุ้นโดยต่างชาติจากฮ่องกง 100% ยังมั่นใจที่จะลงทุนในไทยในระยะยาว โดยเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวางเป้าหมายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปีละไม่น้อยกว่า 2 โครงการ รายได้เติบโตปีละ 50%

โดยเฉพาะในปีนี้โครงการอาร์ติซาน รัชดา ซึ่งจะเป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกในไทยของบริษัทที่จะเสร็จในเกือนมิ.ย.นี้ สูง 34 ชั้น รวม 4 อาคาร มีทั้งหมด 1,337 ยูนิต มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 95% และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 50,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการเลค ซีรีน พระราม 2 บ้านเดี่ยว 485 ยูนิต มูลค่า 5 พันล้านบาท เริ่มทยอยโอนแล้ว
ส่วนในปีที่แล้วยังเปิดตัวคอนโดมิเนียม 2 โครงการ เกือบ 1 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยคลาวด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี คอนโดมิเนียม 55 ชั้น รวม 661 ยูนิต ยอดขาย 50% และ เดอะ ลีฟวิ่น เพชรเกษม คอนโดมิเนียม 32 และ 33 ชั้น รวม 2 อาคาร 2,167 ยูนิต ซึ่งเลื่อนมาจะเปิดขายวันที่ 14-15 มี.ค.ปีนี้

ขณะที่ปีนี้มีแผนเปิดอีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 51,300 ล้านบาท ประกอบด้วย คลาวด์ เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 23 มูลค่าโครงการกว่า 3,600 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 43 ชั้น ห้องชุดรวม 372 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท โดยจะเปิดขายในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ พร้อมให้ชมเปิดห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย

ในไตรมาส 2 จะเปิดขายโครงการสกายไรส์ อเวนิว สุขุมวิท 64 เนื้อที่ 22 ไร่ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 50 ชั้น 4 อาราร รวมห้องชุด 3,000 ยูนิต มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท และมีอาคารสำนักงาน พร้อมพื้นค้าปลีก สูง 4 ชั้น นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังยังมีอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย เดอะลีฟวิ่น รามคำแหง ห้องชุดรวม 1,938 ยูนิต มูลค่า 5,000 ล้านบาท และโครงการลักชัวรี่รีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศกว่า 22 ไร่ โดยเฟสแรกจะเปิดขายในไตรมาส 4 ปีนี้ มูลค่า 5,800 ล้านบาท ทั้งยังเตรียมขยายลงทุนพัฒนาโครงการในเวียดนาม มูลค่า 4 แสนล้านบาท

“อย่างไรก็ดีแม้สถานการณ์เศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนไม่เอื้อต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค แต่บริษัทกลับมองเป็นโอกาสเนื่องจากราคาที่ดินไม่สูงเมื่อเทียบหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทซื้อที่ดินผืนใหญ่ทำให้ได้ต้นทุนที่ดี และนโยบายการขายของบริษัทจะตั้งราคาต่ำกว่าคู่แข่งในย่านเดียวกัน 20-30% ในขณะที่คุณภาพและการออกแบบโครงการในระดับเดียวกัน ทำให้ลูกค้าไม่อยากเสียโอกาสในการตัดสินใจซื้อ”นายเนี่ย ซงเชียน กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน