รีวิวหัวเว่ย เมต 30 โปร มือถือแห่งปี-แต่มีจุดน่าเสียดาย
รีวิวหัวเว่ย เมต 30 โปร – หัวเว่ย Mate 30 Pro ถูกจับตามากที่สุดจากค่ายหัวเว่ย ประเทศจีน เพราะหัวเว่ยเป็นบริษัทที่ตกอยู่กลางเปลวไฟอันร้อนระอุของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ส่งผลให้สุดยอดเรือธงรุ่นนี้จากหัวเว่ยไม่มีแอพพลิเคชั่นใดๆ จาก กูเกิ้ลติดมาด้วย แม้จะใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 10 รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกๆ ของโลก
สมาร์ตโฟนรุ่นนี้จัดเป็นเรือธงปลายปีของหัวเว่ย ใช้ขุมพลังจากชิพประมวลผล (SoC) HiSilicon Kirin 990 ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร (nm) ภายในประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) แบบ 8 หัว (Octa-core) ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.86 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) จำนวน 2 คอร์
ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.09 GHz อีก 2 คอร์ และที่เหลืออีก 4 คอร์ มีความเร็วสัญญาณนาฬิกา 1.86 GHz หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) รุ่น Mali-G76 MP16 หน่วยความจำแรม 8 กิกะไบต์ (GB) พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128 และ 256 GB สนับสนุนการ์ดหน่วยความจำเสริม micro SD ความจุสูงสุดไม่เกิน 256 GB
ผลการทดสอบเบนช์มาร์กบนแอพพลิเคชั่น Geekbench 5 พบว่า ได้คะแนนประมวลผลคอร์เดี่ยวเฉลี่ยอยู่ที่ 757 แต้ม อยู่ในระดับเดียวกับ SoC เรือธงของค่าย ซัมซุง ประเทศเกาหลีใต้ และคะแนนประมวลผลหลายคอร์เฉลี่ยที่ 2,897 แต้ม มากกว่าซัมซุง กาแล็กซี เอส 10 พลัส เสียอีก!
สอดคล้องกับการทดสอบของทีมข่าวสดไอทีครั้งนี้ ว่า ลื่นไหล ไม่พบปัญหาการโหลดช้า และความร้อน ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า เมต 30 โปร จะรองรับแอพฯได้ทุกชนิดและการใช้งานได้ทุกประเภทอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการตอบสนองที่รวดเร็วน่าประทับใจด้วยเทคโนโลยี UFS 3.0 ของหน่วยเก็บข้อมูลด้วย
Huawei Mate 30 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,500 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) พบว่า ระยะเวลาการใช้งานของเมต 30 โปร สามารถใช้งานอย่างหนักหน่วงได้ทั้งวัน บางวันที่ไม่ค่อยได้ใช้งานอาจอยู่ได้ 2 วัน นับเป็นหนึ่งใน สมาร์ตโฟนที่มีระยะเวลาใช้งานยอดเยี่ยมที่สุดในปีนี้
ที่น่าประทับใจมากไปกว่านั้น คือ ทางหัวเว่ยแถมชาร์จเจอร์ขนาด 40 วัตต์ มาด้วย ชาร์จไฟได้รวดเร็วจากหมดเกลี้ยงจนเต็มได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงเศษเท่านั้น ผ่านเทคโนโลยี SuperCharge รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ reverse wireless charge ขนาด 27W ทำหน้าที่เป็นเพาเวอร์แบงก์ชาร์จไร้สายให้สมาร์ตโฟนเครื่องอื่นได้
แน่นอนว่าตัวเครื่องนั้นรองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นแบบ IP68 และเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือบนจอภาพที่ทำงานได้รวดเร็วกว่า สมาร์ตโฟนคู่แข่งส่วนใหญ่ และเซ็นเซอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้าที่ทำงานได้แม่นยำ แม้ในที่มืดก็ตาม
เรือธงจากหัวเว่ยรุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.53 นิ้ว ใช้เทคโนโลยี OLED ความละเอียดสูงสุด FHD+ (1,176 x 2,400 พิกเซล) ความหนาแน่นพิกเซล 406 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) บนอัตราส่วนภาพ 18.5:9 รองรับระบบภาพ HDR10 และใช้การออกแบบจอโค้งแบบใหม่ล่าสุดที่มีองศาความชันมากยิ่งกว่าของทางซัมซุง ทำให้ด้านข้างของจอภาพ Mate 30 Pro แลดูไร้ขอบอย่างแท้จริง ผลักดันอัตราส่วนจอภาพต่อตัวเครื่องขึ้นไปถึง ร้อยละ 94.1 !!
แม้ขอบล่างและบนจะยังเหลืออยู่ แถมติ่งบนขอบบนมาอีก แต่การออกแบบนี้ก็สร้างความฮือฮาไม่น้อย เพราะเมื่อมองตรงๆ แล้ว ทำให้ขอบด้านข้างหายไปเลยทีเดียว
การทดสอบหน้าจอ พบว่า มีความคมชัดอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะไม่คมเท่าอย่างรุ่นกาแล็กซี โน้ต 10 พลัส หรือ วันพลัส 7 ที โปร แต่ก็ชัดกว่า ไอโฟน 11 ความสว่างเพียงพอต่อการใช้งานนอกอาคาร
หัวเว่ยยังใช้ประโยชน์การออกแบบจอภาพไร้ขอบดังกล่าวด้วยการนำปุ่มกดควบคุมระดับเสียงออกไป เหลือเพียงปุ่มกดเพื่อเปิดปิดเพียงอย่างเดียวที่ขอบขวาของเครื่อง หากผู้ใช้ต้องการปรับระดับเสียง ก็เพียงแตะนิ้ว 2 ครั้งที่เหนือปุ่มเปิดปิด เมนูเสียงก็จะปรากฏขึ้นมา แล้วลากนิ้วขึ้นลงบริเวนขอบเพื่อปรับระดับ กล่าวคือ เป็นการควบคุมแบบสัมผัส
การทดสอบพบว่า ต้องอาศัยความเคยชินเพื่อควบคุมให้ได้ ดั่งใจ หลายครั้งที่ต้องแตะหลายครั้งเพื่อให้เมนูปรากฏขึ้น โดยเฉพาะเวลากำลังตื่นตกใจตอนสมาร์ตโฟนเสียงลั่น
นอกจากนี้ การออกแบบจอโค้งที่มีองศาชันและจอลามเข้าไปที่ขอบด้านข้างนั้นส่งผลให้พื้นผิวสัมผัสลื่น เพราะต้องเป็นกระจกกอริลลา กลาส 6 เหมือนบนจอ ซึ่งลามเข้าไปสองในสามของขอบ ที่เหลือเป็นอะลูมิเนียม ส่งผลให้การหยิบจับเครื่องนั้นค่อนข้างลื่น ผู้ใช้ควรหาเคสมาสวมใส่ ไม่แนะนำอย่างยิ่งให้ใช้แบบโป๊ๆ เพราะเสี่ยงต่อการลื่นหลุดมากกว่าสมาร์ตโฟนที่ใช้ขอบเป็นอะลูมิเนียมทั้งหมด หรือเครื่องกาแล็กซี ของซัมซุง ที่มีความโค้งและส่วนของกระจกจอภาพยื่นเข้าไปน้อยกว่า ถือว่าได้อย่างเสียอย่าง
ตัวเครื่องมีขนาดกว้าง 73.1 ยาว 158.1 หนา 8.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 198 กรัม ถือว่าหนักกว่าปกติเล็กน้อย แต่ไม่ทำให้ถึงกับเมื่อยข้อมือเวลานอนเล่นบนเตียงแต่อย่างใด (บางรุ่นหนัก 220 กรัมกว่าๆ นี่เมื่อยเลย) ขอบด้านล่างมีช่องใส่ซิมแบบ 2 ซิม หรือ 1 ซิม กับการ์ด micro SD ช่องเสียบสาย USB-C และลำโพง ไม่มีช่องเสียบสายหูฟังแบบมินิสเตอริโอ
กล้องถ่ายภาพของเรือธงจากหัวเว่ยรุ่นนี้ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญ ประกอบด้วยกล้องหลังแบบ 4 เลนส์ ตามมาตรฐานค่าย ไลกา ประเทศเยอรมนี ที่ออกแบบมาได้สวยงามแหวกแนวกว่าแบรนด์อื่น ประกอบด้วย เลนส์วาย และอัลตรา-วาย ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (MP) เลนส์เทเลโฟโต้ระยะซูม 3x ความละเอียด 8MP และเลนส์ไทม์-ออฟ-ไฟลต์ (ToF) ช่วยให้ภาพแลดูมีมิติมากขึ้น ส่วนกล้องหน้าเป็นเลนส์เดี่ยวความละเอียด 32MP
ผลการทดสอบกล้องของ Mate 30 Pro สร้างความประทับใจให้กับผู้ทดลองอย่างมาก เพราะภาพที่ได้ออกมานั้นมีรายละเอียดสูงและคมชัดอย่างมากโดยเฉพาะเมื่อเวลาแสงเพียงพอ การถ่ายภาพมาโครระยะใกล้มีความคมชัดและแสงเงาที่สมจริง เช่นเดียวกันกับความสามารถในการซูมที่มากถึง 30 เท่า รวมถึงภาพถ่ายกลางคืนด้วยไนต์-โหมด ที่เก็บแสงสี และรายละเอียดได้อย่างครบถ้วนอย่างเหลือเชื่อ (แนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้อง)
ตลอดจนภาพโบเก้ หรือเลนส์ละลายที่สวยงาม ขอบของวัตถุที่โฟกัสนั้นมีความแนบเนียนอย่างน่าประทับใจ และระบบสามารถตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่ถ่ายภาพได้สวยงามที่สุดเท่าที่ผู้ทดสอบเคยทดลองใช้มาในปีนี้ สอดคล้องกับเว็บไซต์ DxOMark ที่ยกให้ Mate 30 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่มีกล้องถ่ายภาพยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี 2562 เสมอกันกับ เสี่ยวหมี่ หมี่ ซีซี 9 โปร พรีเมียม อิดิชั่น (121 แต้ม) เอาชนะแอปเปิ้ล ไอโฟน 11 โปร แม็กซ์ และซัมซุง กาแล็กซี โน้ต 10 พลัส ไปแบบขาดลอย (117 แต้ม)
แต่เมื่อ Mate 30 Pro เป็นเรือธงรุ่นแรกของหัวเว่ย ที่วางขายโดยปราศจากแอพฯของกูเกิ้ล ไม่ว่าจะเป็นแอพอย่าง ยูทูบ กูเกิ้ล แมพส์ กูเกิ้ล ไดร์ฟ ยูทูบ ไปจนถึงแอพฯยอดนิยมอย่าง เฟซบุ๊ก เฟซบุ๊กแช็ต อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ไลน์ และอื่นๆ รวมไปถึง กูเกิ้ล เพลย์ สโตร์ ที่เป็นช่องทางการดาวน์โหลดแอพฯเหล่านี้ ผู้ใช้จำเป็นต้องดิ้นรนไปหามาติดตั้งเองจึงจะใช้งานได้โดยส่วนใหญ่
แม้ไม่ยากเกินความพยายาม แต่กับผู้ใช้ทั่วไปนั้น จุดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้สมาร์ตโฟนที่ยอดเยี่ยมรุ่นนี้อาจถูกขีดฆ่าไปจากตัวเลือกของสาวกแอนดรอยด์จำนวนมากแน่นอน
แม้แต่การทดสอบของข่าวสดพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาลองใช้แอพฯทดแทนเท่าที่มีจาก “แอพแกลเลอรี่” ของหัวเว่ย ยังต้องยอมรับว่า “ลำบาก” ด้วยความที่ไม่เคยชิน
เอาจริงๆ การใช้งานผู้ใช้จำเป็นต้องผ่านเบราเซอร์ในมือถือเท่านั้น ทำให้ประสบการณ์การใช้ไม่น่าประทับใจ
แต่เมื่อใช้งานแอพฯทั้งหมดข้างต้นได้แล้ว พบว่า สมาร์ตโฟนเครื่องนี้กลายเป็นสมาร์ตโฟนที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ทดลองใช้มาในปีนี้
นับเป็นเรื่องน่าเศร้าใจอย่างที่สุด และเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของผู้บริโภคทั่วโลก เพราะหัวเว่ยนั้นเป็นค่ายผู้พัฒนาเทคโนโลยีคุณภาพระดับแนวหน้าในแวดวงสมาร์ตโฟน ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดจำหน่ายแซงหน้าไอโฟนจากแอปเปิ้ล และถูกคาดว่าจะแซงซัมซุงจากเกาหลีใต้ในปีนี้ (ล่าสุดยังคาดว่าจะแซงในปีหน้าแทน)
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำ ห้ามเอกชนอเมริกันทั้งหมดทำธุรกิจกับหัวเว่ย ตามดำริของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่อ้างเรื่องความมั่นคง แต่ถูกหลายฝ่ายโจมตีว่าต้องการจับหัวเว่ยเป็นตัวประกันในสงครามการค้า เพราะหัวเว่ยนั้นเป็นเอกชนไฮเทคขนาดใหญ่ที่สุด และเป็นหนึ่งในอู่ข้าวอู่น้ำที่มีผลใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจจีน
สรุปแล้ว หัวเว่ย Mate 30 Pro เป็น สมาร์ตโฟนที่ครอบคลุมการใช้งานทุกด้าน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล่าสุด และมีประสิทธิภาพเท่า หรือมากกว่าคู่แข่งอย่างไอโฟนจากค่ายแอปเปิ้ล และซัมซุงจากประเทศเกาหลีใต้ โดยเฉพาะกล้องถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุดในวงการสมาร์ตโฟนชั่วโมงนี้ เหมาะสมที่จะเป็นสมาร์ตโฟนแห่งปี 2562 สนนราคาที่ 28,990 บาท
แต่ที่จะไม่ได้ตำแหน่งนี้ เพียงเพราะไม่มีแอพพลิเคชั่นจากกูเกิ้ล โดยเฉพาะกับคนไทยที่ใช้แอพกูเกิ้ลกันเป็นหลักส่วนใหญ่ หากต้องการใช้งาน ผู้ซื้อจำเป็นที่จะต้องดิ้นรนเอง แม้ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ แต่ถือว่าไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วไป
จุดนี้เองที่อาจทำให้ Mate 30 Pro ขายยากกับผู้ใช้ทั่วไปนอกประเทศจีน
แม้เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ก็เป็นความสูญเสียที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับผู้บริโภคทั่วโลกในปี 2562 ด้วยเช่นกัน…
จันท์เกษม รุณภัย