รัฐไม่เคยแจกผ้าห่มฤดูหนาว

คอลัมน์ บก.ตอบจดหมาย

 

รัฐไม่เคยแจกผ้าห่มฤดูหนาว

ถึง บ.ก.ที่เคารพ

ยามเข้าฤดูหนาวทุกปีสิ่งที่เห็นอยู่เป็นประจำคือ ภาคเอกชนจะนำสิ่งของไปแจกโดยเฉพาะผ้าห่มแจกกันทุกปี แปลกใจว่าทำไมภาครัฐถึงไม่สามารถแจกผ้าห่มกันหนาวให้ประชาชนที่ประสบภัยได้บรรเทาความหนาวได้ กระทั่งมาถึงบางอ้อ ทราบว่า การที่จะแจกผ้าห่มกันหนาวกับชาวบ้านได้นั้น อุณหภูมิต้อง 8 องศาเซลเซียสต่อเนื่องกันตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป

คือจะประกาศเป็นเขตพื้นที่ให้ความช่วยเหลือได้ต้องดำเนินการในวันที่ 4 และวันที่ประกาศนั้นอุณหภูมิก็ต้องต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียสด้วย อุณหภูมิแค่ 20 กว่าๆ ก็หนาวแล้ว อย่าลืมว่าเราอยู่ในเขตร้อน อุณหภูมิลด 10 กว่ายะเยือกแล้ว คนมีฐานะอาจจะชอบเพราะมีเสื้อผ้าที่อบอุ่นใส่เครื่องกันหนาวสวยงาม

แต่คนที่ด้อยโอกาสลำพังผ้าห่มบางๆ แทบเอาไม่อยู่ ภาคเหนืออยู่ที่ราบหุบเขาจะหนาวหมอกเย็นเข้าไปในกระดูก ส่วนอีสานที่ราบสูงหนาวลม ลมแรงจัดทะลุเนื้อผ้าทำให้หนาว ครั้นภาครัฐโดยเฉพาะท้องถิ่น จะแจกเครื่องกันหนาวก็กลัวฝ่าฝืนระเบียบ เพราะประกาศของรัฐบาลต้อง 8 องศาเท่านั้น

ถ้า 8 องศานั้น เป็นอากาศทางยุโรปแล้วซึ่งคนของเขาก็แต่งตัวแบบจัดเต็ม ในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งขอวอนผู้นำรัฐบาล ช่วยลดมาตรฐานเกณฑ์ชี้วัดความหนาว ที่ผ่านมาการประกาศภัยหนาวโดยยึดถือเกณฑ์อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่าติดต่อกัน 3 วัน ดังที่ก่อนหน้านั้นถือว่าเหมาะสมแล้ว อบต., อบจ., จังหวัด จะได้แจกเครื่องกันหนาวให้ชาวบ้านได้อย่างไร้กังวล

จะพึ่งพาภาคเอกชนอยู่ทุกปีได้อย่างไร เกิดปีไหนบริษัท ห้างร้านไม่ทำแจก ชาวบ้านจะเดือดร้อน ถือว่าเป็นภัยธรรมชาติที่จะต้องช่วยเหลือทันท่วงทีเหมือนกัยภัยอื่นๆ

ด้วยความเคารพ

ปากหม้อ

ตอบ ปากหม้อ

หลักเกณฑ์ของราชการหลายอย่าง ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ที่สำคัญไม่สามารถช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านได้อย่างทันท่วงที อย่างที่คุณตั้งข้อสังเกตมานั่นแหละ ถ้าไม่ได้ภาคเอกชนแจกผ้าห่มในทุกๆ ฤดูหนาว ผู้คนในภาคเหนือและภาคอีสาน คงต้องแข็งตายไปตามๆ กัน

 

ป่าหด-รีสอร์ตเพิ่ม

เรียน บ.ก.ข่าวสด

เมื่อการเมืองนำนโยบายแจกป่ามาใช้ ป่าก็ยิ่งถูกบุกรุก เพราะเมื่อเปลี่ยนป่าเป็นสวนส้มก็ทำให้ความเจริญตามมา เช่น สวนส้มของคนเดือนตุลา ทำให้เกษตรกรที่บุกรุกป่าสามารถขายสิทธิ์ให้แก่นายทุนแล้วบุกรุกป่าต่อไปอีก ทำให้วันนี้ป่าตกเป็นรีสอร์ตมากมาย รีสอร์ตเพิ่มมากขึ้นเท่าใดป่ายิ่งลดลงมากเท่านั้น ดังนั้น สรุปว่าป่าที่นำแจกเกษตรกรหรือคนจนตกเป็นของนักการเมือง นายทุนทั้งสิ้น ซึ่งก็ต้องถามว่าสมควรแล้วหรือที่นักการเมือง นักธุรกิจคนเดียว จะสามารถครอบครองป่าได้เป็นพันๆ ไร่ เช่นเดียวกับเงินที่นำมาแจกคนจน หรือที่แจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นก็ไม่แตกต่างไปจากการนำป่ามาแจก เพราะในที่สุดก็จะตกเป็นของนายทุน ธุรกิจขนาดใหญ่

นับถือ

หมี่เหลือง

ตอบ หมี่เหลือง

ข้อเท็จจริงเป็นดังที่คุณสะท้อนมา เป็นเรื่องน่าห่วงใยมากสำหรับผืนป่าบ้านเรา แต่จะโทษว่าเป็นเรื่องของการเมืองหรือนักการเมืองคนไม่ใช่ เพราะหลายรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ล้มนักการเมือง ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน