ปิดข่าวเงียบชนิดที่แทบไม่มีใครรู้ เลยว่า โตโยต้า มีรถยนต์ SUV รุ่นใหม่ ‘โคโรลล่า ครอส’ เปิดตัวทำตลาดกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่สำคัญเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลกอีกด้วย

วันเปิดตัวเรียกเสียงครางฮือจากนักเลงรถเมืองไทยได้ไม่น้อย ด้วยดีไซน์ที่ โฉบเฉี่ยว แถมพิศดูในบางมิติขยับเข้าใกล้แบรนด์ ‘เล็กซัส’ ค่ายรถหรู ภายใต้ร่มเงาโตโยต้า

แนวคิดของ โตโยต้า โคโรลล่า ครอส คือ การนำ DNA ของรถยนต์โคโรลล่ามาพัฒนาให้เกิดเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ จึงไม่น่าแปลกใจว่านอกจากสมรรถนะการขับขี่ที่กระฉับกระเฉงในแบบฉบับของ ซีดานแล้ว ยังได้ความกว้างขวางสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย

ทีมงานประชาสัมพันธ์ โตโยต้า จัดให้ได้ทดลองขับชิมลางเล็กๆ ที่สนามทดสอบโตโยต้า เอ็กซ์พรีเรี่ยน พาร์ค ย่านบางนา ก.ม.3

เริ่มกันที่การควบคุมตัวรถที่ความเร็วต่ำ บังคับพวงมาลัยได้ อย่างง่ายดายเบามือ แม้ที่ความเร็ว 10 ก.ม.ต่อช.ม. แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัว ในการกำหนดทิศทาง ไม่เหนื่อยล้าเวลาเจอรถติด ในเมือง

การเข้าโค้งและขับแบบสลาลม ทั้งพวงมาลัยและช่วงล่างทำงานสัมพันธ์กัน เพียงแค่ขยับมือเล็กน้อยก็เปลี่ยนเลนไปมาได้อย่างสะดวก ขณะที่ช่วงล่างไม่มีเสียอาการ

แม้แต่เปลี่ยนเลนกะทันหันแบบชนิดไม่ แตะเบรก ตัวรถไม่ดิ้น ท้ายรถไม่บาน ตัวรถ ตั้งลำตามการกำหนดทิศทางของพวงมาลัย เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นยามต้องเผชิญเหตุการณ์ฉุกเฉิน

ทางตรงยาวเจ้าหน้าที่ที่นั่งไปด้วย ให้กดคันเร่งจนมิด เพื่อดูอัตราเร่งของเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ควบคู่กับระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 เรียกกำลังมาใช้งานได้อย่างทันใจแป๊บเดียวเข็มไมล์ขึ้นไปแตะที่เกือบ 100 ก.ม.ต่อช.ม.กันเลยทีเดียว

ต่อกันที่การเข้าวงเวียนขับเข้าโค้งกันแทบจะ 360 องศา เพื่อให้เห็นว่าทัศนวิสัยสามารถมองไปได้ไกล ช่วยให้ประเมินสถานการณ์ข้างหน้าอย่างแม่นยำ

มาดูความนุ่มนวลกันบ้าง ด้วยการขับขึ้นสะพานจำลอง ไม่ว่าจะนั่งเป็นผู้ขับขี่ หรืออยู่ที่เบาะหลัง ไม่ได้รู้สึกถึงอาการกระเด้งกระดอน เรียกว่าไม่ต่างจากอยู่ในรถซีดาน

สุดท้ายดูกันที่แรงสะเทือนจากถนนเข้ามาในห้องโดยสาร ผ่านถนนที่ไม่เรียบหลากหลายรูปแบบ ถือว่ามีเข้ามาค่อนข้างน้อย

แต่ด้วยเวลาและรูปแบบการทดลองขับที่น้อยไปหน่อย อาจยังบอกชัดเจนในทุกเรื่อง เหมือนกับการขับบนถนนจริงคงยังไม่ได้

มาว่ากันที่ดีไซน์กระจังหน้าขนาดใหญ่ เพิ่มความดุดัน ไฟหน้า LED Projector แบบ Hybrid Daytime Running Lights LED แบบ Light Guiding ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding

เสาอากาศแบบครีบฉลาม หลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคา สีดำล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์เปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated และกล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ

ภายในสีแดงใหม่ Terra Rossa พร้อมเบาะหนังและเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว สว่างมองเห็นชัดเจน หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple Car Play Bluetooth และ USB

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ปรับอุณหภูมิด้านซ้าย – ขวาอย่างอิสระ พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ ใส่กระเป๋าเดินทางล้อลากขนาดกลางได้ 4 ใบสบายๆ
เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร และ 1.8 ไฮบริด

เลือกโหมดการขับขี่ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น EV MODE ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อการเดินทางที่เงียบสนิท

SPORT MODE เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และตอบสนองอัตราเร่งได้ดียิ่งขึ้น
และ ECO MODE ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง

ใช้ชีวิตได้สบายขึ้นด้วย T-Connect by Toyota เชื่อมการขับเคลื่อนแห่งอนาคต Always Located & Protect เริ่มจาก Find My Car เช็กตำแหน่งรถ Real Time ได้ทุกที่ ทุกเวลา SOS ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

Telematics CARE แจ้งทุกสิ่งที่จำเป็น Maintenance Reminder แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเข้าศูนย์บริการ พร้อมประสานงานนัดหมาย Vehicle Information แสดงสถานะรถยนต์ ข้อมูลการขับขี่ สรุปทริปการเดินทาง พร้อมให้แชร์ลงสื่อสังคมออนไลน์ ฯลฯ

มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท ช่วงแนะนำลดเหลือ 959,000 บาท ถึงสิ้นเดือนก.ย.นี้
ที่เหลือเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด 3 รุ่น ราคา 1,019,000-1,199,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน