ผ่าแผนจับเอเยนต์ยาบ้า นารีพิฆาต‘พัน เดินดง’ 2 ลาวลอบขนยาข้ามโขง : สดจากสนามข่าว

ศิริเกษ หมายสุข/ชูโรจน์ ตรีประภากร เรื่อง/ภาพ

ผ่าแผนจับเอเยนต์ยาบ้า – ‘พัน เดินดง’ ฉายานี้มีที่มา ชุดปราบปรามยาเสพติด จังหวัดศรีสะเกษ ต่างรู้จักเป็นอย่างดี ด้วย พัน เดินดง หรือ นายสุจันทร์ บุญขาว เป็นเอเยนต์ยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่พยายามติดตามตัวมาหลายครั้ง ก็ยังไม่สำเร็จ

แต่พลันที่ตำรวจงัดแผนนารีพิฆาตออกมาใช้ ทุกอย่างก็เกม

แถลงจับสาวลาวขนยา

ย้อนไปเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่บริเวณหน้าห้องพักรายวันแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ผวจ.ศรีสะเกษ จากศูนย์อำนวยการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด จังหวัดศรีสะเกษ นำโดย นายปรีชา ส่งเสริม หัวหน้าผู้ประสานงานศูนย์อำนวยการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด จ.ศรีสะเกษ เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.นายหมวดตรีนิธิโรจน์ แก้วเหลา รองผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.ศรีสะเกษ ที่ 2

นำกำลังสมาชิกกองอาสา รักษาดินแดน จากกองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.ศรีสะเกษ ที่ 2 ร่วมกับชุดปกครอง อ.ขุขันธ์ ทหารจากร้อย รส.จ.ศรีสะเกษ และตำรวจชุดสืบสวน สภ.ขุขันธ์ บุกเข้าไปจับกุมตัว นายสุจันทร์ หรือพัน บุญขาว หรือฉายา พัน เดินดง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 2 ต.ห้วยใต้ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจค้นภายในห้องพักพบยาบ้า 938 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าของนาย สุจันทร์

สืบเนื่องจากก่อนหน้า นี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้จับกุมผู้เสพในพื้นที่ แล้วให้การซัดทอดว่า ได้ซื้อยาบ้ามาจากผู้ต้องหา จึงติดต่อให้ผู้ต้องหานำยาบ้ามาส่งให้ที่ห้องพักดังกล่าว โดยหลอกว่าได้เตรียมหญิงสาวหน้าตาดีไว้รอรับให้บริการเป็นพิเศษ เพื่อหลอกล่อให้ผู้ต้องหาออกมาจากป่าที่กบดานอยู่ เนื่องจากว่าผู้ต้องหาถือว่าเป็นเอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่ในเขต อ.ขุขันธ์ โดยมีลูกพี่อยู่ในเรือนจำกันทรลักษ์ สั่งยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาให้ขาย

นาทีจับคาห้องพัก

ที่ผ่านมาเมื่อได้ยาบ้า มาแล้ว ก็จะหนีเข้าป่า และซุกซ่อนยาบ้า โดยการขุดหลุมฝังดินเอาไว้ และจะอาศัยป่าในพื้นที่เป็นที่ขายยาบ้าเนื่องจากปลอดภัย หากเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมก็จะมองเห็นจากด้านนอกได้ชัดเจนยากต่อการจับกุม และรอดพ้นหลบหนีมาได้ตลอด

นายปรีชาเปิดเผยว่า หลังจนมุมผู้ต้องหาให้การว่า ยังคงมียาบ้าซุกซ่อนเอาไว้ในป่าอีกจำนวนหนึ่ง และได้นำเจ้าหน้าที่ไปตรวจยึดจำนวน 2 จุด คือบริเวณกลางป่าดอนปู่ตา บ้านตาตุ่ม หมู่ 6 ต.ห้วยใต้ อ.ขุขันธ์ ได้ยาบ้า 800 เม็ด และบริเวณข้างกอข่า หลังบ้านผู้ต้องหา ได้ยาบ้า 1,200 เม็ด รวมยาบ้าของกลางทั้งหมด 2,938 เม็ด ซึ่งจากการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว นายพันได้ให้การปฏิเสธว่า ยาบ้าไม่ใช่ของตน แต่นำมาส่งให้กับลูกค้าเท่านั้น

ตัดภาพไปฝั่ง จ.มุกดาหารบ้าง ในวันเดียวกัน พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี รรท.ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.โกเมน สุภาพ ผกก.ตม.จว.มุกดาหาร, พ.ต.ท.ธีรวัฒน์ ทิพย์ธนาวิวัฒ รอง ผกก.ตม.จว.มุกดาหาร, พ.ต.ท.อุดร ชาวแขก สว.ตม.จว.มุกดาหาร

ก็นำกำลังจับกุม นางโกก บุดตะวง อายุ 31 ปี นางบาง เกดตาวง อายุ 43 ปี 2 ชาวลาว และ นายสุพรรณ อุทธศรี อายุ 56 ปี สัญชาติไทย พร้อมของกลางยาบ้า 120,000 เม็ดยาไอซ์ 103 กรัม รถจยย.1 คัน ที่บริเวณศาลาริมทางหน้าโรงเรียนโพนสว่าง ต.ดอนตาล อ.ดอนตาล ต่อเนื่องบริเวณโรงนาริมฝั่งแม่น้ำโขง ท้ายวัดดอนตาล

พ.ต.อ.โกเมน เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. ให้ระดมกวาดล้างจับกุมคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายคนเข้าเมือง และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กระทั่งชุดสืบสวนรับแจ้งจากทหารพราน 2110 ว่าพบหญิงคนต่างด้าว 2 คน นั่งสามล้อรับจ้างมาจากสะพานมิตรภาพ 2 ท่าทางมีพิรุธ

จนมาถึงบริเวณตรงข้าม หน้าห้างโรบินสัน จึงร่วมกันเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่จากการสังเกต พบท่าทางมีพิรุธต้องสงสัย หลังปล่อยตัวไป ชุดสืบสวนได้สะกดรอยติดตามทั้ง 2 คนไปจนถึงห้างบิ๊กซี

ขุดค้นของกลางในป่า

จากนั้นทั้ง 2 คนได้เดินในห้าง ก่อนนั่งสามล้อรับจ้างไปยังตลาดพรเพชร แล้วขึ้นรถสองแถวไปลงที่ศาลาแดงบริเวณจุดชมวิว ต.ดอนตาล อ.ดอนตาล ก่อนจะเข้าไปพักที่ริมโขงรีสอร์ต จากนั้นทั้งคู่มาพบนายสุพรรณ ที่ศาลาแดง จุดชมวิว

หลังพูดคุยกันนายสุพรรณ ได้ขับเรือไปรับยาบ้าบนเกาะกลางน้ำฝั่งตรงข้ามวัดบ้านดอนตาล ส่วนนางโกก และนางบาง นั่งสามล้อรับจ้างไปรอ ที่ศาลาริมทางหน้าโรงเรียนบ้านโพนสว่าง เมื่อนายสุพรรณ ขี่รถจยย. นำกระสอบปุ๋ยสีเขียว ซึ่งบรรจุยาบ้ามาส่งให้ ก่อนรีบ ขี่รถจยย.หลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมทันที

ก่อนที่จะติดต่อทหาร พราน 2102 ติดตามจับกุมนายสุพรรณ ได้ที่โรงนาริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านดอนตาล ซึ่งทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดยนางโกก และนางบาง ได้รับค่าจ้าง 120,000 บาท จะนำยาบ้า และยาไอซ์ ไปส่งที่สถานีขนส่งขอนแก่น ส่วนนายสุพรรณได้รับค่าจ้าง 10,000 บาท

ผลงานการจับกุมทั้ง 2 คดี ประสบผลสำเร็จลงได้ ล้วนเป็นไหวพริบของเจ้าหน้าที่โดยแท้