วิเคราะห์การเมือง
“ข่าวลือ” ปลด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ออกจากตำแหน่ง “ผบ.ตร.” อาจเป็นการลือและปล่อยออกมาในลักษณะ “เฉพาะส่วน”
นั่นก็คือ ผ่าน “คอลัมนิสต์” ผ่าน “สื่อ”
เป็นไปได้ว่าจะต้องเป็น “คอลัมนิสต์” ที่ไว้เนื้อเชื่อใจอย่างเป็นพิเศษ และเมื่อ “คอลัมนิสต์” รายนั้นมีสถานภาพอันแน่นอน
จึงนอกจาก 1 ดำเนินการ “ปล่อย” ผ่าน “พื้นที่” ของตน
ยิ่งกว่านั้น 1 เมื่อเขียนลงเผยแพร่ผ่านพื้นที่ใน “หนังสือพิมพ์” ก็ยังแผ่ผาย ขยายไปยังโซเชี่ยล ออนไลน์ หรือ “สื่อกระจก”
จึงกลายเป็น “ข่าวใหญ่” อึกทึกครึกโครม
และยิ่งอึกทึกครึกโครมกระทั่งแปรเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ขึ้นมาเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาปฏิเสธ
ตรงนี้แหละ “สำคัญ” ตรงนี้แหละทรง “ความหมาย”
ทรงความหมายเพราะว่า การปล่อยข่าว “ปลด” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ปรากฏพร้อมกับข่าวการจะปลดนายตำรวจอีกคนหนึ่ง
นายตำรวจคนนั้นมีบทบาทอย่างสูงกรณี “ทัวร์” อื้อฉาว
ขณะเดียวกัน นายตำรวจคนนั้นไม่เพียงแต่ใกล้ชิดอยู่กับนายทหารใหญ่แห่ง “คสช.” หากแต่ยังได้รับการปูนบำเหน็จรางวัลอย่างงดงาม
ไม่ว่า “ตำแหน่ง” ใด ล้วนมีความสำคัญและมีบทบาท
ยิ่งพ่วงเอาชื่อของนายตำรวจท่านนั้นเข้ามาวางเรียงเคียงกับชื่อและตำแหน่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ยิ่งทำให้สีสันของ “ข่าวลือ” ที่ปล่อยออกมาดำเนินไปอย่างเพริศแพร้วพรรณราย ไม่ว่าใครได้ยิน ไม่ว่าใครได้อ่านล้วนเกิดอาการตะลึงตึงถ้วนหน้า
ตะลึงตึงแม้กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ยอมรับเถิดว่า การทะยานขึ้นสู่ตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นการทะยานอย่างได้รับการันตีจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้ “ยาว”
ตรงนี้เองทำให้นายตำรวจระดับ “รอง” หลายคนบังเกิดอาการหงุดหงิด และไม่อาจอดทน รอคอยได้ จึงนำไปสู่การปล่อยข่าวและปั่นข่าวออกมาอย่างเป็นกระบวน
“คอลัมนิสต์” เป็นคนเขียนจริง แต่เป็นการเขียนตาม “คำบอก”
พลันที่ปรากฏผ่านคอลัมน์ประจำของ “คอลัมนิสต์” รายนั้น ภายในแวดวง “สื่อ” ด้วยกันก็จับตาติดตาม “ปฏิกิริยา” ด้วยความระทึก
เชื่อว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ก็รู้ว่าเป็น “ใคร”
ปัจจัยของตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ภายใต้การนั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อาจมากด้วยความแข็งแกร่ง
แข็งแกร่งเพราะได้รับการการันตีและค้ำยันโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกำกับและดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แต่ก็ยังมี “ความพยายาม” และยังดำรง “เป้าหมาย” ที่จะโยกสั่นอยู่
