หากจะประเมินว่าพรรคการเมืองใดสะท้อนการเมืองแบบใหม่ พรรคการเมืองใดสะท้อนการเมืองแบบเก่า จะดูจากอะไร

คำตอบย่อมมิใช่ดูที่ “คำพูด”

เพราะนักการเมืองคือแหล่งรวมของ “นักการเมือง” และธรรมชาติโดยพื้นฐานของนักการเมืองก็คือ ความเชี่ยวชำนาญเป็นอย่างสูงใน “การพูด”

ที่ว่าพูดดำเป็นขาว พูดขาวเป็นดำ นั่นแหละ “นักการเมือง”

บรรทัดฐานที่ตรวจสอบพรรคการเมืองใดเป็นพรรคการเมืองแบบใหม่ พรรคการเมืองใดเป็นพรรคการเมืองแบบเก่าต้องดูที่ “การกระทำ”

การกระทำจะชี้ขาดอย่างเที่ยงแท้ แน่นอนที่สุด

มีพรรคการเมืองเกิดใหม่ 2 พรรคให้เป็นคู่เปรียบเทียบอย่างเด่นชัด แหลมคมที่สุด 1 คือ พรรคพลังประชารัฐ และ 1 คือ พรรคอนาคตใหม่

อย่าเพิ่งตื่นเต้นจากคำว่า “ใหม่” ที่อยู่กับคำว่า “อนาคต”

ขอให้ตรวจสอบผ่านกระแสข่าวที่อึกทึกครึกโครมภายในแวดวงทางการเมือง ขอให้ตรวจสอบผ่านการเคลื่อนไหวในแต่ละจังหวะก้าว

พรรคอนาคตใหม่ เปิดเผย ไม่ปิดบังอำพราง

พรรคพลังประชารัฐ ลึกลับอย่างยิ่ง หลังจากจัดแจ้งชื่อพรรคต่อกกต.ก็ยังไม่มีการประชุมใหญ่ทุกอย่างล้วนดำเนินไปในแบบปิดลับในลักษณะลวงและพราง

แต่ข่าวอันมาจากพรรคพลังประชารัฐ คือ ข่าวการดูด

พรรคอนาคตใหม่ไม่เพียงแต่เพิ่งเปิดประชุมใหญ่เป็นครั้งแรก หากแต่แกนนำพรรคลงพื้นที่อย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็น ภาคใต้ อีสาน ภาคกลาง

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ย่ำมาแล้วจนรถ “ยางแตก”

ขณะเดียวกัน ก็อาศัยช่องทางของโซเชี่ยล มีเดีย ในการเปิดตัวพบประชาชน และเมื่อมีการจัดเคลื่อนไหวเงียบๆ ภายในพรรคก็นำเสนอให้แฟนานุแฟนได้รับทราบเป็นระยะ

แต่ข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ คือการต่อสายไปยัง “อดีตส.ส.” พรรคต่างๆ

การเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐจึงประสานกันไปกับการเคลื่อนไหวของคนในคสช.คนในรัฐบาลอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน

เหมือนบ่งบอกว่าเป็นแนวทาง พลังประชารัฐ ไทยนิยม

ยิ่งโรดแม็ป “เลือกตั้ง” คืบคลานเข้ามาใกล้เพียงใด โฉมหน้าของพรรคพลังประชารัฐ พรรคอนาคตใหม่ ยิ่งปรากฏอย่างเด่นชัด

ปิดอย่างไรก็คงจะปิดไม่ได้

การเมืองแบบ “เปิด” แม้ว่าคสช.จะใช้อำนาจพิเศษบางอำนาจปิดกั้นอย่างไรก็คงไม่สามารถปิดกั้นความรับรู้ของประชาชนได้ตลอดไป

ประชาชนคงมีคำตอบว่าอะไรใหม่ อะไรเก่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน