ปฏิบัติการดูดของ “กลุ่มสามมิตร” ที่นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อาจสร้างความหงุดหงิดให้กับพรรคเพื่อไทย เพราะจำเป็นต้องปรับขบวนใหม่อย่างน้อยก็ที่จังหวัดเลย
อาจสร้างความดีใจให้กับ “จอมยุทธ์” แห่งพรรคพลังประชารัฐ
ขณะเดียวกัน ที่พรรคอนาคตใหม่บนตึกไทยซัมมิทก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกตั้งแต่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไปถึง น.ส.พรรณิการ์ วานิช
เท่ากับ “อา” มาช่วย “หลาน” โดยแท้
เพราะว่าการเปิดปฏิบัติการ “ดูด” โดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้สร้างจุด “ต่าง” อย่างมีนัยสำคัญในทางการเมืองให้กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เป็นจุด “ต่าง” อันเป็น “คุณ”
มีความพยายามโยงเรื่องราวของ “ซัมมิท” เข้ากับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งแรกเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่เมื่อปลายเดือนมีนาคม มาแล้ว
เพราะ “ซัมมิท” มีจุดเริ่มต้นจากพี่น้องตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ”
เพียงแต่ซัมมิตที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีบทบาทเป็น “ไทยซัมมิท” ขณะที่ซัมมิทที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มีบทบาทเป็น “ซัมมิท อีเล็กทรอนิกส์”
ยิ่งกว่านั้น สายสัมพันธ์และโยงใยการเมืองก็ต่างกัน
สายสัมพันธ์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนักวิชาการด๊อกเตอร์จากฝรั่งเศสอย่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล แต่สายสัมพันธ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนักการเมืองลายแตกงาอย่าง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
เห็นหรือไม่ว่าแค่นี้ก็ต่างราวฟ้ากับเหว
ยิ่งลงลึกในรายละเอียดการสร้างพรรคระหว่างพรรคอนาคตใหม่กับกลุ่มสามมิตรอันโยงไปยังพรรคพลังประชารัฐยิ่งเดินกันคนละเส้นทาง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เริ่มด้วย “พลังดูด”
เพียงก้าวแรกก็ได้อดีตส.ส.จากพรรคเพื่อไทยมายวงใหญ่จากจังหวัดเลย นี่ยังมาดหมายจะรุกเข้าไปยังนครราชสีมา อุบลราชธานี
ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ไม่คิดในเรื่อง “การดูด”
ไม่ว่าจะมองในด้านของ “ความคิด” ไม่ว่าจะมองในด้านของ “การเมือง” พรรคอนาคตใหม่กับพรรคพลังประชารัฐมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พรรคหนึ่งใจร้อนต้องการโตข้ามคืน อีกพรรคค่อยๆ สะสมกำลัง สร้างคะแนน
หากมองจากความจัดเจนเก่าในทางการเมือง วิธีในแบบ “พรรคพลังประชารัฐ” นั่นแหละคือความเชื่อมั่น มิใช่วิธีในแบบ “พรรคอนาคตใหม่”
นั่นก็คือ พื้นฐานของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ขณะเดียวกัน ภาพและการเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐก็นำไปสู่การเปรียบเทียบกับภาพและการเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่
จุดต่างนี้จะเป็นคุณกับใคร คำตอบอยู่ที่ “อนาคต” อันใกล้และไกล
