ปฏิกิริยาอันเนื่องแต่ปฏิบัติการ “ดูด” กลางรีสอร์ตดังแห่งจังหวัดเลย ดำเนินไปอย่างร้อนแรงและกว้างขวางไม่ว่าจะมาจากฝ่ายที่ชื่นชม ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายที่หงุดหงิดไม่พอใจ
ไม่เพียงแต่จะปรากฏบนหน้า “หนังสือพิมพ์” อันถือว่าเป็น “สื่อเก่า”
หากแต่ที่ปรากฏผ่าน “โซเชี่ยล มีเดีย” อันถือว่าเป็น “สื่อใหม่” นั้นมากด้วยความร้อนแรง อึกทึกครึกโครมอย่างเป็นพิเศษ
เพราะมิได้มีแต่เพียงภาพ หากแต่ยังเป็นภาพ “เคลื่อนไหว”
มองอย่างเปรียบเทียบกับสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 ก่อนการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 มีอัตราผิดแผกและแตกต่างกันเป็นอย่างสูง
ผลสะเทือนนี้ลึกซึ้งและกว้างขวาง
กล่าวในด้านที่แสดงความชื่นชม อาจไม่ได้เห็นหรือได้ยินจากฝ่ายเดียวกันของ “กลุ่มสามมิตร” ไม่ว่าจะจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หรือโดยเฉพาะ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข
ต่างเก็บตัวเงียบ มีแต่ข่าวปล่อยลอยมาตามลม
เป็นรายงานประเภทอ้าง “แหล่งข่าว” ปรากฏเนื้อความ แต่ไม่ปรากฏชื่อ ยืนยันว่าหลังวันที่ 26 มิถุนายนจะมีข่าวใหญ่
ใหญ่กว่าปฏิบัติการ “ดูด” ที่จังหวัดเลย
นั่นย่อมหมายความว่า เป้าหมายยังเป็นอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และแน่นอนเป็นอดีตส.ส.ที่สัมพันธ์กับผลการเลือกตั้งล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
ข่าวปล่อยนี้ทะลวงไปยังยอดอก “เพื่อไทย”
ไม่มีใครคาดหมายได้ว่าผลจากปฏิบัติการ “ดูด” จะลงเอยอย่างไรเพราะว่าการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ยังเดินทางมาไม่ถึง
แต่ที่แน่นอน เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้ “เงิน”
อาจไม่มากระดับ 40,000 ล้านบาทอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์เคยปูด กระนั้น ก็ใกล้เคียงกับระดับ 30,000 ล้านบาทอย่างที่ก้องมาจากพรรคเพื่อไทยอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะต้องมีเงิน “มัดจำ” และค่า “ดูแล”
เงินระดับ “หมื่นล้านบาท” อย่างนี้สะท้อนให้เห็นว่ารากฐานทางเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐแข็งแกร่งและมั่นคง
ไม่น่าจะเป็นเงินจาก “สามมิตร” อย่างเด็ดขาด
ไม่ว่าจะมองโลกในด้านดีสักเพียงไร แต่พลันที่มีปฏิบัติการ “ดูด” คนที่มีบทบาททั้งในด้านดูดและถูกดูดย่อมตกเข้าไปอยู่ในวังวนแห่งผลประโยชน์
จากระดับ “ดูดส้วม” จนถึงระดับ “ดูดส.ส.”
ณ วันนี้ นามของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นามของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ นามของ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข กึกก้องไปทั้งประเทศ
ทุกคนรอว่าจะมีนาม “ใหม่” ไล่ตามมาอีกกี่ราย
