ทั้งๆ ที่หากมองในแง่ประสบการณ์และความจัดเจนทางการเมือง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีความเหนือกว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างเด่นชัด
เหตุใดหมายเลข 1 “กลุ่มสามมิตร” จึงเป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ไม่ว่าการเดินทางไปดูด นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ก็เห็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เดินนำหน้า ยิ่งเมื่อเปิดคลับเฮาส์เลี้ยงสังสรรค์ที่สนามกอล์ฟดัง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ยิ่งเห็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยืนตรงกลางเด่นชัด
แม้เมื่อมีหยิบนำนามของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามา “แจม” ก็จะยิ่งเห็นการวางเรียงเคียงข้างกันกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างสมน้ำ สมเนื้อ
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ถอยออกไป
ถ้าประเมินกันโดยยึดเอาพรรษาในทางการเมืองเป็นบรรทัดฐาน แน่นอน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ครองความเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะเคยผ่านกระบวนการของส.ส.มาแล้ว
ยิ่งเริ่มต้นที่พรรคกิจสังคม ยิ่งได้อะไรมากมายทั้งจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และ พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา และโดยเฉพาะจาก นายมนตรี พงษ์พานิช
ทุกวิทยายุทธ์ล้วนมากองรวมอยู่ที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ครบถ้วน
และด้วยวิทยายุทธ์อันเป็นมรดกตกทอดจาก นายมนตรี พงษ์พานิช นั้นเองทำให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ลังเลที่จะอยู่แนวที่ 2
ผลักดัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขึ้นแนวที่ 1 อย่างเต็มใจ
พลันที่มีชื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นกปปส. ต่างชโยโห่ร้องกันอย่างพร้อมเพรียง
ทำท่าจะเชียร์มากกว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ด้วยซ้ำ
คุณงามความดีของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เริ่มปรากฏผ่าน “กองเชียร์” เริ่มจากความร่ำรวยอย่างมหาศาล มีความเหนือกว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลายเท่า
เมื่อวางกับ นายทักษิณ ชินวัตร ก็เฉียบขาดกว่า
เฉียบขาดตรงที่กล้าตัดสินใจมาเล่นบทผู้นำ “กลุ่มสามมิตร” แสดงพลังดูดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
มีแต่คนอย่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จึงจะโค่น “เพื่อไทย” ได้
เสียงชโยโห่ร้องจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสียงยกย่องสรรเสริญจาก “มวลมหาประชาชน” แห่งกปปส.อย่างนี้มีหรือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะไม่ได้ยิน
การถอยออกไปอยู่ “แนวหลัง” จึงเหมาะสม
และความจริง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็เล่นบท “แนวหลัง” อย่างนี้ไม่ว่าจะเมื่ออยู่ในพรรคกิจสังคมหรือพรรคไทยรักไทย
กระต่ายที่ฉลาดย่อมมี “ทางออก” เผื่อเอาไว้เสมอ
