ยิ่ง “กลุ่มสามมิตร” ประสานการเคลื่อนไหวกับ “พรรคพลังประชารัฐ” มากเพียงใด ยิ่งผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมายืนอยู่แถวหน้ามากเพียงนั้น
แม้จะออกมาพูดเพียงคำว่า “ผมไม่รู้” ก็ตาม
พลันที่คนของพรรคเพื่อไทยออกมาแจกแจงกระบวนการ “ดูด” อันเกิดขึ้นกับโรงแรมกลางเมืองโดยยืนยันแจ่มชัดว่าเป้าหมายคือ ต้องการให้ไหลไปรวมกันที่พรรคพลังประชารัฐ
สายตาก็ทอดจับไปยัง “รัฐมนตรี” ใน “ทำเนียบรัฐบาล”
ความไม่รู้อันออกจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และหรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในอีกด้านจึงถูกมองว่าเท่ากับเป็นการแก้ต่าง
สร้างความชอบธรรมให้กับพรรคพลังประชารัฐ
ถามว่าชาวบ้านเชื่อหรือไม่ต่อคำปฏิเสธว่ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐซึ่งมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ตรงนี้แหละสำคัญอย่างยิ่งยวด
การปฏิเสธในห้วงเวลานี้อาจมีจำนวนไม่น้อยที่เชื่อ แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่กึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ และก็มีจำนวนไม่น้อยที่เชื่อ
เพราะชื่อของ “รัฐมนตรี” ที่ระบุก็มิได้อื่นไกล
ยิ่งกว่านั้น รัฐมนตรีบางท่านยังแสดงบทบาทอย่างโจ่งแจ้งในการเรียก “อดีต ส.ส.” จากบางพรรคเข้าพบที่ “ทำเนียบรัฐบาล” แล้วมอบตำแหน่งทางการเมืองให้
ยิ่งกว่านั้น คำตอบสำคัญยังอยู่กับสถานการณ์ใน “อนาคต”
หากในที่สุดแล้ว บรรดา “บิ๊กเนม” ทั้งหลายที่ได้รับการเอ่ยถึงเป็นระยะพร้อมกับคำถามว่าเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กันมากน้อยแค่ไหน
ปรากฏว่าไปกองรวมอยู่ที่ “พรรคพลังประชารัฐ”
ครานี้แหละที่ชาวบ้านจะร้อง “อ๋อ” กันเป็นแถว และเป็นแถวยาวจากเบตงถึงแม่สาย จากสระแก้วถึงทองผาภูมิเลยทีเดียว
ปมเงื่อนสำคัญก็คือ พูดอย่าง ทำอย่าง
หลักฐานไม่เพียงแต่จะดำรงอยู่ใน “สื่อเก่า” อย่างหนังสือพิมพ์ หากที่สำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ ดำรงอยู่ในคลิป ทั้งภาพและเสียงครบครัน
กดเรียกมาตรวจสอบได้ฉับพลันทันใด
ทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการเดินสาย ไม่ว่าจะเป็นการปราศรัย ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามของสื่อในแต่ละห้วงแต่ละเวลา
จะคลี่คลาย และแผ่แบ ณ เบื้องหน้าชาวบ้าน
ทุกอย่างดำเนินไปตามความเป็นจริงที่ว่า เมื่อท่านพูด ประชาชนเขาจะฟัง แต่เมื่อท่านลงมือทำประชาชนเขาจะรู้ว่าท่านเป็นคนอย่างไร
เป็นคนที่น่าเชื่อถือ หรือว่าพลิกลิ้นตลอดเวลา