เหตุเกิด ที่อุบลฯ พันพัว พลังประชารัฐ พลัง “โซเชี่ยลฯ”
วิเคราะห์การเมือง
เหตุเกิด ที่อุบลฯ – การออกมาเปิดโปงกรณี “ว่าที่” ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐร่วมขบวนไปแจกของกับทางทหารและทางจังหวัดที่ อ.ม่วงสามสิบ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี โดย นายสมคิด เชื้อคง จากพรรคเพื่อไทยอาจถือเป็นกรณีศึกษา 1 ภายในกระบวนการต่อสู้ในทางการเมือง
ที่สำคัญ คือ มิได้ดำเนินไปในแบบ “ไอ้เสือมือเปล่า”
ประเภทแว่วๆ ได้ยินมาว่า มีการทำเช่นนี้ที่ม่วงสามสิบ เขื่องใน โดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรแน่นหนาก็รีบออกมาให้ข่าว
หวังผลในลักษณะ “ตีปลาหน้าไซ”
หากทำเช่นนั้นอาจกลายเป็นข่าวอึกทึกในวันแรก แต่คล้อยหลังเพียงวันเดียวเมื่อถูกตอบโต้และท้าให้เอาหลักฐานมาแสดงก็ไม่มีอะไร
แต่คราวนี้มิได้เป็นเช่นนั้น
ตรงกันข้าม นายสมคิด เชื้อคง แม้จะมีหลักฐานอย่างชนิดครบเครื่องเต็มมือ แต่ก็เปิดแบออกมาอย่างเป็นขั้นตอนและเปี่ยมด้วยกลยุทธ์ แพลมออกมาเพียงระบุ “ว่าที่” ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ
ขณะเดียวกัน ก็อ้างอิงไปกับการเดินทางของ 1 ผู้ว่าราชการจังหวัด และ 1 ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33
เพียงแค่นี้ก็น่าสนใจอยู่แล้ว
ยิ่งเมื่อ นายชวน ชูจันทร์ ออกมาโต้แย้งด้วยความซื่อและจริงใจ กลับยิ่งจะเปิดให้เห็นกระบวนการทำงานของพรรคพลังประชารัฐกับกองหน้าร่าเริงในแต่ละพื้นที่ไม่สอดรับกัน
เพราะว่าถึงมิได้เป็น “แฟน” แต่ก็สามารถ “ทำแทน” กันได้ในเรื่องนี้
สังเกตหรือไม่ว่าภายหลังจากที่ปรากฏข่าวแอ๊กชั่นอาจจะมาจาก นายชวน ชูจันทร์ แต่บรรดาตัวละครในจังหวัดอุบลราชธานีกลับเงียบกริบ
ไม่ว่า “ผู้ว่าราชการจังหวัด”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33” อันอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่ทั้งรถราและกำลังพล
ไทอีสานเห็นร่วมกันว่าล้วนต่าง “มิดอิมซิม”
ที่ตกอยู่ในภาวะต้องปิดปากเงียบอาจเพราะว่าทีมงานของ นายสมคิด เชื้อคง มีครบ ไม่ว่าภาพ ไม่ว่าเสียงและการเคลื่อนไหว
เด่นชัดว่าการเลือกตั้งไม่ว่าจะเกิดภายในเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเลื่อนออกไปกระทั่งภายในเดือนพฤษภาคม 2562
โซเชี่ยล มีเดีย จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างสูง
กรณีที่ อ.ม่วงสามสิบ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งสัมพันธ์กับข้าราชการไม่ว่าพลเรือนไม่ว่าทหาร ถือได้ว่าเป็นกรณีศึกษาอันหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมีทั้งภาพ ปรากฏทั้งเสียง ก็ครบเครื่องเรื่องเปิดโปง
อ่านต่อ: