ถูกต้องแล้วที่พรรคเพื่อไทยจะตั้งการ์ดและชะแว้บไปอยู่ในด้านอันสะท้อนลักษณะ “ขึ้นบนภู” พลันที่มีการขับเคลื่อนจากพรรคพลังประชารัฐเข้าปะทะกับพรรคภูมิใจไทย

เด่นชัดว่า “โคราช” กำลังจะกลายเป็น “สมรภูมิ”

เหมือนกับว่าพรรคภูมิใจไทยจะหน้าใหม่เป็นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับพรรคชาติพัฒนา พรรคเพื่อไทย หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐ

เพราะพรรคพลังประชารัฐก่อหวอดขึ้นที่ “โคราช”

แม้จุดเริ่มต้นจะมาจาก นายภิรมย์ พลวิเศษ แต่ก็สามารถดึง นายจำลอง ครุฑขุนทด นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ มาเป็นกำลัง

จึงถูกแล้วที่ “เพื่อไทย” จะเล่นบท “ขึ้นบนภู”

กระนั้นที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด คือ ความมุ่งมั่นของพรรคภูมิใจไทยในยุคที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค

นอกจาก “บุรีรัมย์” แล้วย่อมเป็น “โคราช”

เหมือนกับพรรคพลังประชารัฐจะได้แต้มต่อเพราะมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขับเคลื่อน

โดยมีอีก 1 ส. นั่งอยู่ใน “ทำเนียบรัฐบาล”

แต่เครือข่ายและความสัมพันธ์ของพรรคภูมิใจไทยและโดยเฉพาะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

อ่านได้จากพลัง 30,000 กว่าที่สนามช้าง อารีนา บุรีรัมย์

ประเด็นที่แหลมคมเป็นอย่างมากก็คือ กระบวนการตกเขียวทางการเมือง ซื้อเสียงล่วงหน้าที่โคราชมิได้มีแต่พรรคภูมิใจไทยอย่างที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เปิดโปง

ตรงกันข้าม ยังมีอีก 1 กลุ่ม

แน่นอน กลุ่มที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ยังไม่ได้เปิดโปงนั้นมีความโลดโผนมากยิ่งกว่าที่ระบุว่าเป็นบทบาทของ “ว่าที่” ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเสียอีก

ความน่าสนใจอยู่ที่ความเงียบของ นายภิรมย์ พลวิเศษ

ทั้งๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในพื้นที่ที่เรียกขานว่า “พลังโคราช” เหตุใด นายภิรมย์ พลวิเศษ จึงเงียบอย่างผิดปกติ

ปล่อยให้ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ออกโรงคนเดียว

พลันที่เห็นพรรคเพื่อไทยไม่ว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ไม่ว่า นายโกศล ปัทมะ ไม่ว่า นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด เล่นบท “ขึ้นบนภู”

ก็ชัวร์ว่า “เกม” นี้เป็น “เรื่องยาว”

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อาจถนัดในการเล่นบทโฉ่งฉ่างในแบบของ “แรมโบ้” ท่ามกลางความเงียบอย่างผิดปกติของ นายภิรมย์ พลวิเศษ

เรื่องนี้จึงต้องรอการโต้กลับจาก “ภูมิใจไทย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน