ความมั่นใจของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ระหว่างไปปาฐกถาในหัวข้อเรื่อง “ทำไมต้องปฏิรูปประเทศ” ที่เชียงใหม่ ต่อการจะได้คะแนน 3.5 ล้านเสียงจากประชาชนทั่วประเทศ

เป็นความมั่นใจอันฝากความหวังไว้กับ “มวลมหาประชาชน”

เป็นความมั่นใจที่ 3.5 ล้านเสียงจากประชาชนจะทำให้พรรครวมพลังประชาชาติไทยมีโอกาสได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแตะตัวเลข 50

ตรงนี้เองที่ทำให้เกิดความหวัง

“หากชนะเลือกตั้งและมีโอกาสได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลขอดูแลกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีกว่าเดิม”

นี่คือข้อเสนอโดยตรงต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แถลงอันออกมาจากปาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนยันอย่างเด่นชัดว่าใครคือตัวจริงเสียงจริงในพรรครวมพลังประชาชาติไทย

ไม่ใช่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อย่างแน่นอน

ไม่ใช่ นายสุริยะใส กตะศิลา ไม่ใช่ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ไม่ใช่ นายสำราญ รอดพชร อย่างแน่นอน

หากแต่คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

และด้วยจำนวน 3.5 ล้านคะแนนจากทั่วประเทศ และด้วยจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเกือบ 50 คนที่มีอยู่ในมือ

นี่คือ อำนาจในการต่อรองทางการเมือง

หากมองเพียงเสียงจากพรรครวมพลังประชาชาติไทยเท่ากับว่า กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ถูกจับจองเอาไว้แล้ว

ยังเสียงจาก “กลุ่มสามมิตร” อีกเล่า

ที่แน่นอนอย่างที่สุดในมือของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประสานเข้ากับในมือของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มีคนเด่นคนดังอยู่ในมือกว่า 70 คน

หากมองจากโครงการ “โคล้านตัว” ก็ทะลุไปถึงกระทรวงอันเป็นเป้าหมาย

ขณะเดียวกัน หากมองจากประสบการณ์และความจัดเจนของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ย่อมทะลุไปยังกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรม

นี่คือ เป้าหมายและอำนาจต่อรองทางการเมือง

ภาพที่จะเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เริ่มวางแบอยู่ ณ เบื้องหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เด่นชัดมากยิ่งขึ้น

เป็นเพียงภาพจาก 2 พรรคทางการเมือง

1 คือ พรรคพลังประชารัฐซึ่ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะเดินเข้าไป 1 คือ พรรครวมพลังประชาชาติไทย อันมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นขาใหญ่

รัฐบาลหลังเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คึกคักอย่างยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน