ถาวร เสนเนียม การเมือง ประชาธิปัตย์ ประนอม ตอนจบ : วิเคราะห์การเมือง

ถาวร เสนเนียม – บทจบต่อกรณีสอบสวนพฤติการณ์ นายถาวร เสนเนียม ที่เปิดบ้านให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรครวมพลังประชาชาติไทยมาตั้งโต๊ะรับสมัครสมาชิกอาจไม่เป็นไปตามความรู้สึกของบรรดาคนเสมอนอกทั้งหลาย

เพราะลงเอยด้วยการประนีประนอมในแบบนิ่ม-นิ่ม

แต่เมื่อทอดมองไปยังท่าทีและพฤติการณ์ของ นายวิทยา แก้วภราดัย ที่นครศรีธรรมราช และที่จะเกิดขึ้นกับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่พิษณุโลก

มีความจำเป็นที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องจบแบบนี้

เพราะว่าที่อยู่เบื้องหลังท่าทีของ นายถาวร เสนเนียม นายวิทยา แก้วภราดัย และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นั้นมิได้มีเพียง 3 ตรงกันข้ามเป็นหลายหมื่น

กว่า 5 หมื่นที่ได้ระหว่างหยั่งเสียงต่างหากคือความเป็นจริง

แท้จริงแล้วบทบาทและการเคลื่อนไหวของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ในการอาสาเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายอลงกรณ์ พลบุตร

เสมอเป็นเพียง “สงครามตัวแทน”

เบื้องต้นที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประกาศตัวลงประหมัดกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนวงนอกต่างมองด้วยความงุนงง สงกา

เป็นไปได้อย่างไร

ในเมื่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อย่าว่าแต่จะซดหมัดกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้ในพิษณุโลกสถานะก็ด้อยกว่า นายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นอย่างมาก

แต่เมื่อ นายถาวร เสนเนียม ประกาศหนุนก็ต้องร้อง “ฮ้อ”

การเคลื่อนไหวผ่าน “วอร์รูม” ที่หาเสียงให้กับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เด่นชัดอย่างยิ่งว่ามีพลานุภาพอันมาจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สำแดงออก

ปรากฏการณ์นี้สัมผัสได้ตลอด 2 รายทาง

ความขัดแย้งที่ปะทุผ่านบรรยากาศของชุมพร ไหม้ลามไปเรื่อยถึงนครศรีธรรมราช สงขลา นั่นแหละคือคำตอบของทุกอย่าง เป็นคำตอบที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้ดี

แม้ว่าความร้อนแรงอันเกิดขึ้นระหว่างการปราศรัยของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่บ้านของ นายถาวร เสนเนียม จะปวดแสบปวดร้อน

แต่ที่สุดแล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็จำใจต้องกลืนเลือด

สภาพการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ตลอดระยะเวลาแห่งการสัประยุทธ์กันในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคจึงสะท้อนทั้งเอกภาพและความขัดแย้ง

ความขัดแย้งมีอยู่แต่เป็นความขัดแย้งภายใน

เอกภาพต่างหากคือสิ่งที่ภายในพรรคประชาธิปัตย์และที่ดำรงอยู่ภายนอกพรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องประนีประนอม

นี่คือแนวโน้มและทางเลือกพรรคประชาธิปัตย์หลังการเลือกตั้ง