วิเคราะห์การเมือง : สำทับ เข้มข้น ต่อข้าราชการ ประจำ จาก นักการเมือง
ทําไม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จึงเน้นไปยัง “ข้าราชการ” ประจำ เมื่อพาดพิงถึงการเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ
เป็นเพราะเคยเป็น “ข้าราชการ” มาก่อน
หรือเป็นเพราะเห็นว่ารัฐบาลคสช.ภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นรัฐบาลอย่างที่เรียกกันว่า เป็น “รัฐราชการ”
ถือเอา “ข้าราชการ” เป็น “ศูนย์กลาง”
ถูกทุกข้อสันนิษฐาน แต่นัยแท้จริงหากดูจากความเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่สั่งสมมาก็ต้องยอมรับว่าจุดแข็งของ “คสช.” อาจอยู่ที่ “ข้าราชการ”
แต่ “ข้าราชการ” ก็ทำให้กลายเป็น “จุดอ่อน” ได้
รัฐบาลปกติเมื่อถึงช่วงปลาย คือ ก่อนการเลือกตั้ง 1-2 เดือนจะอยู่ในสภาพที่เรียกว่าข้าราชการปล่อยเกียร์ว่างอย่างเปิดเผย
เพราะไม่แน่ใจว่า “อนาคต” จะเป็นอย่างไร
แต่กล่าวสำหรับรัฐบาลคสช. รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจอย่างเต็มที่มิได้อยู่ในสถานะอันเป็นรัฐบาลรักษาการเหมือนในอดีต
สามารถใช้อำนาจตาม “มาตรา 44” ได้ตามปกติ
เพราะว่าหัวหน้ารัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี มีพื้นฐานมาจากหัวหน้าคสช.ก็คือ ยังมีอำนาจอย่างเต็มเปี่ยม
ตรงนี้แหละคือความเหนือกว่า และน่าเกรงขาม
ดูเหมือนว่าพรรคพลังประชารัฐอันเป็นมือไม้ แขนขาของคสช.จะฉวยโอกาสจาก “รัฐธรรมนูญ” มาอำนวยประโยชน์ในทางการเมืองอย่างเต็มพิกัด
เป็นไปตามบทสรุป “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบเพื่อพวกเรา”
ดังนั้น แม้จะมาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค แต่ก็ยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แม้จะมาดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคแต่ก็ยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เป็นเลขาธิการพรรคพร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นโฆษกพรรคพร้อมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ออกไปจับระบำรำฟ้อนตามที่ “ข้าราชการ” จัดให้
คําเตือนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มิได้อยู่ที่ 4 รัฐมนตรีที่มาเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ หากแต่อยู่ที่บรรดา “ข้าราชการ”
เตือนให้ระวังถึงผลสะเทือนจาก “เลือกตั้ง”
เพราะว่าทุกการเคลื่อนไหวในห้วงปลายสมัยรัฐบาล ย่อมติดตรึงและจะมีผลต่อเนื่องไปภายหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
หากว่าพรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้ง